เปิดแล้วงานส้มโอเวียงแก่น-เกษตรกรเน้นปลอดสาร

เชียงรายโฟกัส ดอทอคม :: สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย, ศูนย์รวมข้อมูลออนไลน์ จ.เชียงราย

เหนือสุดในสยาม ชายแดนสามแผ่นดิน ถิ่นวัฒนธรรมล้านนา ล้ำค่าพระธาตุดอยตุง

ฝากประกาศข่าว | ฝากประกาศงาน ฟรี! | เฟสบุ๊กเพจ:เชียงรายโฟกัส

เกาะติดข่าว จาก เชียงรายโฟกัส ทุกวัน..

เปิดแล้วงานส้มโอเวียงแก่น-เกษตรกรเน้นปลอดสาร

ประกาศเมื่อ 22 สิงหาคม 2011 เวลา 02:12:58 เปิดอ่าน 1244 ครั้ง

ชาวเวียงแก่นร่วมเปิดงาน “ส้มโอและของดีเวียงแก่น” คับคั่ง นอภ.ย้ำผลผลิตปลอดสาร ส่งออกได้ทั้งยุโรป ญี่ปุ่น จีน ทำเงินเข้า จว.ร่วม 340 ล้านบาท/ปี

       รายงานข่าวจาก จ.เชียงราย แจ้งว่าระหว่างวันที่ 20-27 ส.ค.54 นี้ อ.เวียงแก่น จ.เชียงราย มีกำหนดจัดงานส้มโอและของดีเวียงแก่น ณ สนามสนามหน้าที่ว่าการอำเภอ โดยมีนายวรวัจน์ เอื้ออภิญญากุล รมว.กระทรวงศึกษาธิการ เดินทางไปเป็นประธานในพิธีเปิดงานท่ามกลางผู้เข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก ซึ่งนายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ นายอำเภอเวียงแก่น รายงานถึงสถานการณ์การปลูกส้มโอในพื้นที่ อ.เวียงแก่น ว่าประชาชนทดลองปลูกส้มโอเวียงแก่นมาตั้งแต่ปี 2532 และทำคุณภาพจนกลายเป็นพืชเศรษฐกิจของจังหวัด โดยมีการส่งออกไปจำหน่ายยังต่างประเทศ เช่น ยุโรป จีน ญี่ปุ่นฯลฯ และภายในประเทศ จนสามารถทำรายได้ให้เกษตรกรปีละประมาณ 340 ล้านบาท

       นายประเสริฐกล่าวอีกว่า เกษตรกรชาวสวนส้มโอเวียงแก่น ได้น้อมนำแนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้ามาอยู่หัว มาปรับใช้กับการปลูก-ดูแลส้มโอจนประสบความสำเร็จ และได้รับการยอมรับว่ามีรสชาติหอมหวาน มีคุณค่าทางโภชนาการสูง อีกทั้งปราศจากสารปนเปื้อน ทั้งยากำจัดแมลงและยาปราบศัตรูพืช จึงได้รับความเชื่อถือจากตลาดต่างประเทศอย่างมาก ซึ่งงานครั้งนี้ก็เป้าหมายแสดงศักยภาพของอำเภอและกระตุ้นให้เกษตรกรให้ความสนใจในการปรับปรุงพันธุ์ รวมทั้งเผยแพร่ประโยชน์ของเกษตรทฤษฎีใหม่ให้ควบคู่ไปกับเกษตรอินทรีย์ด้วย

       สำหรับ อ.เวียงแก่น มีเกษตรกรส้มโอชาวเวียงแก่นประมาณ 500 ราย และได้ปลูกส้มโอรวมกันประมาณ 5,000 ไร่ โดยมีเกษตรกรส่วนใหญ่เข้าร่วมโครงการพัฒนาผลผลิตกับสหกรณ์ที่มีอยู่ 2 แห่ง ซึ่งผู้เข้าร่วมโครงการจะได้รับการพัฒนาคุณภาพส้มโอเพื่อให้ได้มาตรฐานที่ต่างประเทศโดยเฉพาะยุโรปให้การยอมรับ โดยเฉพาะต้องไม่มีสารเคมีตกค้างเกินที่กำหนดเอาไว้และปราศจากโรคต้องห้ามต่างๆ โดยเฉพาะโรคแคงเกอร์-แบลคสปอตหรือราดำ ทำให้ที่ผ่านมาเกษตรกรได้ใช้วิธีการให้เกษตรกรเลี้ยงเชื้อราเขียวไตรโคเดอร์มาเพื่อป้องกันเชื้อราซึ่งพบว่าที่ผ่านมาได้ผลเกินกว่า 80%

แหล่งข่าว : ผู้จัดการออนไลน์ / นำเสนอโดย : เชียงรายโฟกัสดอทคอม