สาธารณสุขเผย วันเอดส์โลก 1 ธันวาคม 54 องค์การอนามัยโลกกำหนดคำขวัญว่า “Getting to Zero” หรือ “เอดส์ลดแล้ว...ลดอีก” ตั้งเป้าหมาย 5 ปี
ตั้งแต่ ค.ศ. 2011-2015 มีแนวทางป้องกันและแก้ไขปัญหาเอดส์ ดังนี้ 1. ไม่มีผู้ติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่ 2. ไม่มีการตายเนื่องจากเอดส์ และ3. ไม่มีการตีตราและเลือกปฏิบัติ
นายแพทย์ชำนาญ หาญสุทธิเวชกุล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงราย เปิดเผยว่า องค์การอนามัยโลก(WHO) และโครงการด้านเอดส์แห่งสหประชาชาติ(UNAIDS)
ได้กำหนดให้ 1 ธันวาคมของทุกปีเป็นวันเอดส์โลก(World AIDS Day) เพื่อสร้างกระแสความตื่นตัวและส่งเสริมให้ประชาชนทั่วไป เยาวชน และผู้ติดเชื้อ เกิดความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง
เกี่ยวกับปัญหาการแพร่ระบาด ภัยคุกคาม และผลกระทบจากโรคเอดส์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ปีนี้กำหนดคำขวัญใช้ในการรณรงค์ว่า “Getting to Zero” หรือ “เอดส์ลดแล้ว ...ลดอีก”
ซึ่งหมายถึง 1. ไม่มีผู้ติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่ 2. ไม่มีการเสียชีวิตเนื่องจากเอดส์ และ3. ไม่มีการตีตราและเลือกปฏิบัติ โดยวางเป้าหมายรณรงค์ 5 ปี ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2011-2015
ในปีนี้ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงรายร่วมกับเครือข่ายการทำงานด้านเอดส์ ทั้งหน่วยงานภาครัฐ เอกชน ภาคธุรกิจ สื่อมวลชน องค์กรชุมชน เครือข่ายผู้ติดเชื้อ เครือข่ายเยาวชนจังหวัดเชียงราย
จัดงานวันเอดส์โลกในวันที่ 1 ธันวาคม 2554 ตั้งแต่เวลา 15.00–20.00 น. ณ ลานกิจกรรมชั้น 2 ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลพลาซ่าเชียงราย โดยมีนายพินิจ หาญพาณิชย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย
เป็นประธานในพิธี หลังจากเปิดงานมีการมอบรางวัลผลการประกวดเรียงความในหัวข้อ “การป้องกันโรคเอดส์โดยใช้หลักพระพุทธศาสนา สติรู้ตัว ปัญญารู้คิด” ของนักเรียน นักศึกษา ระดับมัธยมศึกษา
อาชีวศึกษาและอุดมศึกษาในจังหวัดเชียงราย การแสดงบนเวที ดนตรี การเล่นเกมส์ การแสดงของแกนนำเยาวชน การตอบปัญหาจากมาสคอทจับฉลากรับรางวัลมากมาย และการจัดนิทรรศการแสดงผลงาน
ของหน่วยงานและองค์กรต่างๆที่ทำงานด้านเอดส์
นายแพทย์ชำนาญกล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขมอบนโยบายให้สนับสนุนการดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหาเอดส์ สนับสนุนการดำเนินงานร่วมกับภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน ได้กำหนดเป้าหมาย
และวิสัยทัศน์การดำเนินงานสอดคล้องกับแผนกลยุทธ์ใหม่ของโครงการโรคเอดส์แห่งสหประชาชาติ คือ “Getting to Zero” ซึ่งหมายถึง
1.เร่งรัดการป้องกันหรือไม่เพิ่มผู้ติดเชื้อรายใหม่ในกลุ่มเยาวชน โดยร่วมมือกับกระทรวงศึกษาธิการ กำหนดนโยบายระดับชาติและระดับกระทรวง จัดทำหลักสูตรแกนกลางเพื่อสอนนักเรียน 30 ชั่วโมง
ต่อปีการศึกษา และวางระบบพัฒนาครูผู้สอน กลุ่มประชากรเปราะบาง(พนักงานบริการหญิง ชายมีเพศสัมพันธ์กับชาย ผู้ใช้ยาเสพติดชนิดฉีด ฯลฯ) มีการพัฒนาระบบบริการดูแลสุขภาพที่เป็นมิตร ส่งเสริมการใช้
ถุงยางอนามัย 100 เปอร์เซ็นต์
2. ลดการเสียชีวิตเนื่องจากการติดเชื้อเอชไอวี โดยปรับเกณฑ์การดูแลรักษาผู้ติดเชื้อเอชไอวีและผู้ป่วยเอดส์ เริ่มให้ยาต้านไวรัสเร็วขึ้นจากระดับภูมิคุ้มกัน(CD4)น้อยกว่า 200 เป็นน้อยกว่าหรือเท่ากับ
350 ซึ่งเป็นการเพิ่มโอกาสให้ผู้ติดเชื้อเข้าถึงบริการรักษาด้วยยาต้านไวรัสได้เร็วขึ้น ทำให้ผู้ติดเชื้อมีชีวิตที่ยืนยาว และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ให้บริการตรวจเลือดหาการติดเชื้อเอชไอวีฟรีปีละ 2 ครั้ง
ที่โรงพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุขสำหรับคนไทยครอบคลุมทุกสิทธิทั้งหลักประกันสุขภาพ ประกันสังคมและสวัสดิการข้าราชการ รวมถึงการเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงบริการสุขภาพ และการดูแลรักษา
ด้วยยาต้านไวรัสในประชากรต่างด้าวที่ติดเชื้อเอชไอวีซึ่งอยู่นอกระบบบริการสุขภาพ
3. ไม่มีการเลือกปฏิบัติกับผู้ติดเชื้อเอชไอวี ด้วยแนวทางที่เป็นรูปธรรม โดยส่งเสริมเครือข่ายผู้ติดเชื้อให้ชุมชนยอมรับและเคารพสิทธิผู้ติดเชื้อ ปรับเปลี่ยนทัศนคติของบุคลากรสาธารณสุขให้เคารพสิทธิ
และไม่เลือกปฏิบัติต่อผู้ติดเชื้อ พัฒนาการบริการที่เป็นมิตร มีมาตรฐาน การบริหารจัดการด้านเอดส์ในสถานประกอบการ และมีแนวทางปฏิบัติด่านเอดส์ในสถานที่ทำงานเพื่อลดการเลือกปฏิบัติต่อผู้ติดเชื้อเอชไอวี
การให้ความรู้แก่พนักงาน ไม่กีดกันผู้ติดเชื้อเอชไอวีที่มีสุขภาพดีให้ทำงานได้อย่างปกติ ไม่เลือกปฏิบัติ และไม่บังคับตรวจเลือดก่อนเข้าทำงาน ส่งเสริม สนับสนุนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.) มีส่วนร่วม
ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาเอดส์และสุขภาพในชุมชน โดยการพัฒนาศักยภาพบุคลากรของอปท.นำร่อง 825 แห่ง นโยบายการลดอันตรายจากการใช้สารเพติดเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อเอชไอวี
โดยคำนึงถึงหลักการพื้นฐานเรื่องสิทธิมนุษยชน
สถานการณ์เอดส์ทั่วโลกพบว่ามีผู้ติดเชื้อเอชไอวีประมาณ 60 ล้านราย เสียชีวิตประมาณ 25 ล้านราย สำหรับประเทศไทยคาดว่ามีผู้ติดเชื้อเอชไอวีและผู้ป่วยเอดส์ 1,161,244 ราย เสียชีวิตแล้ว 644,128 ราย
และมีผู้ติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่ 10,853 ราย ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชายร้อยละ 33 รองลงมาคือแม่บ้านที่ติดเชื้อจากสามีหรือคู่นอนประจำร้อยละ 28 สำหรับกลุ่มชายที่ติดเชื้อจากหญิงขายบริการ
และกลุ่มสามีที่ติดเชื้อจากภรรยามีอัตราการติดเชื้อเท่ากันคือร้อยละ 10 กลุ่มผู้ใช้ยาเสพติดชนิดฉีดร้อยละ 9 กลุ่มที่มีเพศสัมพันธ์ชั่วคราวร้อยละ 7 และกลุ่มหญิงขายบริการติดเชื้อจากนักเที่ยวร้อยละ 4
สำหรับสถานการณ์เอดส์จังหวัดชียงราย ตั้งแต่ปี 2531 – 25 ตุลาคม 2554 มีผู้ป่วยเอดส์และผู้ติดเชื้อที่มีอาการ 33,394ราย เสียชีวิต 15,315 ราย คงเหลือ 18,079 ราย เป็นเพศชาย 21,025 ราย
หญิง 12,369 ราย ปัจจัยเสี่ยงจากเพศสัมพันธ์ร้อยละ 93 รองลงมาคือติดเชื้อจากมารดาร้อยละ 5 กลุ่มอายุสูงสุดได้แก่ 30-44 ปีร้อยละ 51 รองลงมาเป็นกลุ่มอายุ 15-29 ปีร้อยละ 34 ประกอบอาชีพ
เกษตรกรรมมากสุดร้อยละ 42 รองลงมาเป็นอาชีพรับจ้างร้อยละ 34 |