ล่าสุด วันที่ 27 ก.พ.  พ.ต.อ.ชูวิทย์ กองแก้ว ผกก.สภ.เมืองเชียงราย ได้เรียกเจ้าหน้าที่ข้องสรุปสำนวนการสอบสวน พร้อมหมอบหมายให้ทาง ร.ต.อ.ธงธรรศ ริยะ ร้อยเวรฯเจ้าของคดี ดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีกับชาวพม่า โดยได้เชิญบิดาของ ด.ช.บี มาให้การเพิ่มเติมที่ สภ.เมืองเชียงราย รวมถึงสอบพยานแวดล้อมที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ทั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนบันทึกภาพ โดยอ้างว่าคดีนี้เป็นคดีเกี่ยวกับเยาวชน
 

ทั้งนี้ในการสอบสวนเจ้าหน้าที่ได้เน้นการตรวจสอบเวลาการหายตัวไปของ ด.ช.บี และช่วงเวลาเกิดเหตุ ซึ่งเบื้องต้นทราบว่าผู้ก่อเหตุยังพบผู้กระทำความผิดเพียงคนเดียวคือนายคำ ชายชาวพม่า อายุ 15 ปี ซึ่งให้การรับสารภาพว่าได้กระทำการเพียงคนเดียว โดยวันเกิดเหตุได้หลอกลวงเหยื่อด้วยการใช้ขนมล่อลวงไป ส่วนพยานแวดล้อมส่วนใหญ่ไม่มีใครเห็นเหตุการณ์ในช่วงเกิดเหตุ  ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่าได้สอบเด็กผู้เสียหายไว้แล้ว เหลือพยานแวดล้อมที่จะต้องใช้เวลาสอบสวน รวมถึงการสอบสวนผู้ก่อเหตุ ขณะนี้ได้ส่งตัวไปไว้ยังสถานพินิจเชียงรายเพราะเป็นเยาวชนที่มีอายุเพียง 15 ปี ซึ่งจะมีการสอบสวนอย่างละเอียดอีกครั้งโดยร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายฝ่าย แต่เบื้องต้นก็ได้แจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มอีก 1 ข้อหาเป็น 2 ข้อหาคือทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนได้รับบาดเจ็บสาหัสและพากผู้เยาว์ ส่วนคดีล่วงละเมิดทางเพศนั้นต้องรอผลตรวจจากแพทย์ก่อน หากพบว่ามีการทำอนาจารหรือข่มขืนก็จะแจ้งข้อหาเพิ่มเติมภายหลังอีก
 

ขณะที่ พล.ต.ต.วันชัย สุวรรณศิริเขต ผบก.ภ.จว.เชียงราย กล่าวว่าคดีที่เกิดขึ้นถือเป็นคดีที่สะเทือนขวัญและโหดร้ายทารุณเป็นอย่างมาก อีกทั้งผู้เสียหายและก่อเหตุเป็นเยาวชนทั้งคู่ ซึ่งจะต้องดำเนินการอย่างรัดกุมไม่ให้กระทบต่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่ก็ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายให้เร่งดำเนินการคลี่คลายคดีให้แล้วเสร็จโดยเร็วและให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ใครผิดก็ว่าไปตามผิด

ทางด้านน.พ.สุทัศน์ ศรีวิไล ผอ.โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ กล่าวว่าทางโรงพยาบาลฯได้จัดทีมแพทย์ทำการรักษาเด็กอย่างเต็มที่ ซึ่งสภาพที่เด็กถูกส่งตัวมารักษาได้รับบาดเจ็บสาหัสมากแต่ก็รักษาจนพ้นขีดอันตรายแล้ว แต่สภาพร่างกายยังมีเลือดคลั่งในสมอง ซึ่งต้องสังเกตุอาการอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ยังมีส่วนแขนและขาหักซึ่งได้จัดทีมแพทย์ด้านกระดูกและแพทย์ด้านระบบประสาทรักษาแล้ว ซึ่งต้องใช้เวลากว่าร่างกายจะฟื้นตัว

สิ่งที่น่ากังวลที่สุดในขณะนี้คือเรื่องของสภาพจิตใจของเด็กที่หลังเกิดเหตุย่ำแย่มาก ไม่พูดไม่จากับใคร ซึ่งการพื้นฟูจิตใจนั้นจะยากและต้องใช้เวลามาก ตอนนี้นอกจากจะรักษาร่างกายยังต้องรักษาจิตใจไปพร้อม ๆ กัน โดยให้แพทย์จิตเวชดูแลและพื้นฟูจิตใจ โดยตั้งเป็นทีมคณะดูแลผู้ถูกกระทำเด็กและสตรี ตอนนี้จึงไม่อยากให้ใครเข้ามารบกวนเด็กและให้พักผ่อนอย่างเต็มที่ก่อน ส่วนกรณีเด็กถูกข่มขืนหรือไม่นั้นขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบของทีมแพทย์อยู่