สถาบันชา มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงเชียงราย วิจัยร่วมกับชุมชน ดันชาดอยวาวี เข้าตลาดเกษตรอินทรีย์ ช่วยผู้บริโภคดื่มชาเพื่อสุขภาพอย่างแท้จริง

เชียงรายโฟกัส ดอทอคม :: สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย, ศูนย์รวมข้อมูลออนไลน์ จ.เชียงราย

เหนือสุดในสยาม ชายแดนสามแผ่นดิน ถิ่นวัฒนธรรมล้านนา ล้ำค่าพระธาตุดอยตุง

ฝากประกาศข่าว | ฝากประกาศงาน ฟรี! | เฟสบุ๊กเพจ:เชียงรายโฟกัส

เกาะติดข่าว จาก เชียงรายโฟกัส ทุกวัน..

ประกาศเมื่อ 20 มิถุนายน 2013 เวลา 11:07:10 เปิดอ่าน 1264 ครั้ง

สถาบันชา มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงเชียงราย วิจัยร่วมกับชุมชน ดันชาดอยวาวี เข้าตลาดเกษตรอินทรีย์ ช่วยผู้บริโภคดื่มชาเพื่อสุขภาพอย่างแท้จริง

ดร.ปิยาภรณ์ เชื่อมชัยตระกูล หัวหน้าสถาบันชา มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง เชียงราย เปิดเผยว่า สถาบันชาร่วมกับสำนักวิชาอุตสาหกรรมเกษตร ได้ทำงานวิจัยร่วมกับกลุ่มผู้ปลูกและผู้ประกอบการชาในพื้นที่ดอยวาวี พัฒนาการผลิตชาอินทรีย์อย่างครบวงจร ตั้งแต่แปลงปลูกไปจนถึงการแปรรูปชาในเมนูสุขภาพต่างๆ เพื่อผลักดันให้ชาวาวีก้าวสู่ตลาดชาอินทรีย์ได้เต็มรูปแบบ ภายใต้โครงการวิจัย เรื่อง การพัฒนามูลค่าสินค้า ‘การผลิตชาอินทรีย์สำหรับเอสเอ็มอี’ โดยประกอบไปด้วย 2 โครงการย่อย โครงการแรกคือ ศึกษาและพัฒนาการรวมกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกชาบนพื้นที่ดอยวาวี เพื่อขอรับมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ และอีกโครงการคือ การพัฒนานวัตกรรมเครื่องดื่มชาเพื่อเสริมสร้างสุขภาพและขยายโอกาสทางการตลาดของผลิตภัณฑ์ชาไทย และการพัฒนาเมนูเครื่องดื่มชาอินทรีย์ โดยโครงการวิจัยดังกล่าวได้รับทุนวิจัยจากสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ

ทั้งนี้งานวิจัยดังกล่าวมีระยะเวลาทำงานวิจัย 1 ปี (กรกฎาคม 2555 – กรกฎาคม 2556) ซึ่งผลของการทำงานวิจัยนั้นมีความก้าวหน้าเป็นอย่างดี ในส่วนการปลูกชาได้พัฒนากระบวนการปลูกและผลิตตามมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ ขณะนี้อยู่ระหว่างรอรับมาตรฐานเกษตรอินทรีย์จากกรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และในส่วนพัฒนาเครื่องดื่มเมนูชาอินทรีย์ ทางสถาบันชาได้จัดการอบรมเพื่อถ่ายทอดเทคโนโลยีดังกล่าวให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกชาบนพื้นที่ดอยวาวี และพนักงาน บริษัทดอยช้างคอฟฟี่ออริจินอล จำกัด ณ.ร้านกาแฟดอยช้างคอฟฟี่เฮ้าส์ ตำบลดอยช้าง อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย

ดร.ปิยาภรณ์ กล่าวต่อว่า งานวิจัยดังกล่าวเลือกพัฒนาชาอัสสัม เนื่องจากเป็นชาที่นิยมบริโภคกันโดยทั่วไปอยู่แล้ว และชาอัสสัมยังเป็นส่วนประกอบสำคัญของเครื่องดื่มชาเมนูฮิต อาทิเช่น ชาเย็น ชานมเย็น ชามะนาว ที่มีขายอยู่เกือบทุกมุมถนนทั่วประเทศไทย รวมถึงน้ำชาพร้อมดื่มบรรจุขวดแช่เย็นที่ขายตามร้านสะดวกซื้อด้วย โดยชาอัสสัมเป็นชาป่า ไม่มีการใส่ปุ๋ยหรือพ่นยาฆ่าแมลงอยู่แล้ว แต่อาจจะได้รับผลกระทบจากการใช้สารเคมีในส่วนอื่นของแปลงปลูก เมื่อเกษตรกรผู้ปลูกชามีโอกาสทำความเข้าใจทั้งวิธีการและเทคนิคการดูแลชาตามกรอบของมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ รวมถึงการได้เรียนรู้การแปรรูปผลิตภัณฑ์ชาอินทรีย์นั้น จะเป็นส่วนที่ช่วยเพิ่มโอกาสให้ผู้บริโภคได้ดื่มชาเพื่อสุขภาพอย่างแท้จริงได้มากขึ้น

เครื่องดื่มชาได้รับความนิยมในฐานะเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ แต่หากชาที่ดื่มมีสารเคมีปนเปื้อนก็จะไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพ ดังนั้น การทำสวนชาอินทรีย์จึงเป็นแนวทางหนึ่งที่ควรเร่งดำเนินการสร้างความเข้าใจเรื่องหลักการและการปฏิบัติแก่เกษตรกรผู้ปลูกชา อีกทั้งยังต้องทำความเข้าใจกับนักดื่มชาหรือผู้บริโภคอีกทางหนึ่งด้วย

แหล่งข่าว : สวท.เชียงราย / นำเสนอโดย : เชียงรายโฟกัสดอทคอม