นายพิทักษ์พงษ์ กล่าวว่า ชายชาวพม่าคนนี้ มาซื้อทองคำที่ร้านเป็นประจำแทบทุกวันอาทิตย์ ซึ่งได้ซื้อทองไปทุกครั้ง ครั้งละ 2-3 บาท จนทำให้ตนเชื่อใจ โดยบอกกับตนว่าชื่อนายเมโท ทำงานอยู่ที่บ่อนกาสิโน ฝั่งประเทศลาวตรงข้ามกับบ้านสบรวก สามเหลี่ยมทองคำ อ.เชียงแสน จนเมื่อวันที่ 15 ก.ย. ที่ผ่านมาซึ่งตรงกับวันอาทิตย์ ประมาณก่อนเที่ยงวัน นายเมโท ได้มาที่ร้าน และได้ซื้อทองคำที่ร้านของตนไปหลายบาท โดยตนได้ยกถาดใส่ทองคำมาให้นายเมโทเลือก จนตอนเย็นตนจะปิดร้านได้นำทองมาตรวจนับจีงทราบว่ามีสร้อยคอทองคำหนัก 2 บาท หายไป 3 เส้น สร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท หายไป 6 เส้น สร้อยข้อมือทองคำหนัก 1 บาท หายไป 3 เส้น รวมเป็นทองคำหนัก 15 บาทที่หายไป จึงได้มาเปิดดูกล้องวงจรปิด พบว่า นายเมโท ได้แอบหยิบสร้อยทองคำดังกล่าวใส่กระเป๋าเสื้อแจ๊กเกตในขณะที่ตนกำลังขายทองให้กับลูกค้ารายอื่นอยู่ จากนั้นตนจึงได้เข้าแจ้งความกับ พ.ต.อ.มานพ เสนากูล ผกก.สภ.เชียงแสน ซึ่ง พ.ต.อ.มานพ ได้เรียกชุดสืบสวนมาประชุมเพื่อวางแผนจับกุมนายเมโท เพราะคาดว่านายเมโทมาซื้อทองคำที่ร้านของตนทุกวันอาทิตย์เป็นประจำ จะต้องกลับมาซื้อทองอีก

กระทั่งวันนี้ นายเมโท ได้มาที่ร้านของตนเพื่อซื้อทองคำเหมือนทุกอาทิตย์ที่ผ่านมา จึงได้ทำทีให้เลือก แล้วตนได้โทรศัพท์แจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทราบ พร้อมมาจับตัวนายเมโท ซึ่งครั้งนี้มีผู้หญิงมาด้วยอีกสองคน จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวทั้งสามคนมาที่ สภ.เชียงแสน จากการตรวจค้นพบพาสปอร์ตทราบชื่อว่านายคืน ซ่อ อายุ 27 ปี เมืองย่างกุ้ง ประเทศพม่า พร้อมกระเป๋าคาดเอวค้นในกระเป๋าพบสร้อยคอทองคำหนัก 2 บาท 1 เส้น แหวนทอง 3 วง จึ้ทอง 1 อัน เงินสด 70,340 บาท ธนบัตรพม่า 4,680 จ๊าด สอบสวนทราบว่านายคืน ซอ ได้ทำงานอยู่ที่บ่อนฝั่งประเทศลาว เดินทางเข้ามาประเทศไทยโดยผ่านด่านพรมแดนที่สามเหลี่ยมทองคำ พร้อมกับหญิงอีกสองคน จากการสอบสวนเจ้าหน้าที่ทราบว่าหญิงสองคนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องจึงได้ปล่อยไป เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อหานายคืน ซอ ว่าลักทรัพย์ในเคหสถาน นำตัวดำเนินคดีต่อไป