|
มด |
วันที่ |
13 เมษายน 2009 |
เวลา |
10:37:39 |
|
IP |
202.149.24.161 |
|
|
|
ธุรกิจขายตรง ได้เงินจริงหรือหลอกลวง
|
ขอความรู้และประสบการณ์ท่านทั้งหลายที่เคยทำขายตรง มาเล่าสู่กันฟังหน่อยครับ ว่าทำแล้วจะได้เงินจริงๆ เหมือนที่เขียนกันไว้หรือไม่ |
|
|
ความคิดเห็นที่
1 |
|
นุ่ม |
|
13 เมษายน 2009
18:03:35 |
|
|
IP :
192.168.50.165 |
|
เคยทำค่ะ แต่ไม่ขอเอ่ยชื่อบริษัทนะคะ ดิฉันเองทำอยู่ประมาณ2เดือนก็เลิกทำแล้วเพราะรู้สึกว่ามันไม่ใช่ ตอนประกาศรับสมัครอีกแบบหนึ่ง ตอนเข้าไปฟังรายละเอียดก็อีกแบบหนึ่ง คือธุรกิจนี้หัวใจสำคัญอยู่ที่การพาคนมาสมัคร ไม่ใช่ตัวสินค้า ถ้าเราแนะนำคนมาสมัครหรือพามาสมัครก็จะเป็นดาวไลน์ของเรา คือง่ายๆเลยนะคะรายได้อยู่ที่การขายสินค้าแต่ต้องทำให้ได้ตามแต้มที่กำหนดแต่ตัวสินค้านั้นจะดีมีคุณภาพแค่ไหนก็อีกเรื่องหนึ่ง ที่ๆดิฉันไปสมัครเสียเงินจำนวนหนึ่งนะคะ(ขอไม่บอกว่าเท่าไร) แต่ให้จำไว้เลยนะคะถ้าอ่านโฆษณาแล้วบอกว่าไม่เสียค่าใช้จ่ายหรือค่าสมัครใดๆทั้งสิ้นเชื่อได้เลยค่ะว่าคุณต้องได้เสียแน่นอน อาจจะไม่ทุกบริษัทนะคะแต่ส่วนมากจะเสีย คนที่จะได้เงินตรงนี้เป็นจำนวนมากๆก็คือคนที่มีดาวไลน์เป็นของตัวเองมากๆค่ะ ถ้าเรามีมากเราก็ไมต้องเหนื่อยที่จะขายของมากนะเพราะสินค้าราคาแพงเหมือนกัน ส่วนดาวไลน์ของเราเมื่อเข้ามาแล้วเสียเงินค่าสมัครหรือค่าอย่างอื่นไปแล้วก็ต้องคิดที่จะหารายได้กลับมาอยู่แล้วค่ะ(ทำงานทุกคนก็อยากได้เงินอยู่แล้วเป็นเรื่องธรรมดา)ดาวไลน์ของเราก็ต้องหาทางพยายามขายของให้ได้เพื่อที่จะได้แต้มตามที่กำหนดถึงจะได้รับค่าตอบแทนเมื่อดาวไลน์ขายของได้คนที่เป็นตัวหัวหน้าทีม(เจ้าของดาวไลน์)ก็สบายไป(ทำนาบนหลังคน) แต่คนที่รวยจากธุรกิจนี้จริงๆน่าจะเป็นเจ้าของบริษัทมากกว่าค่ะ ปล.อันนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของดิฉันเองนะคะจากประสบการณ์ตรงที่เคยได้เข้าไปทำงานด้านนี้ ไม่ได้บอกว่าธุรกิจขายตรงดีหรือไม่ดีนะคะ อันนี้ต้องตัดสินใจกันเอาเองค่ะ |
|
ความคิดเห็นที่
2 |
|
รักคนขายตรง(ใหน) |
|
13 เมษายน 2009
20:50:19 |
|
|
IP :
113.53.166.195 |
|
ภัยธุรกิจขายตรงแฝงแชร์ลูกโซ่ คอลัมน์ คลื่นความคิด โดย สิทธิชัย ฝรั่งทอง มติชนรายวัน วันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2548 ปีที่ 28 ฉบับที่ 9875
แนวโน้มธุรกิจขายตรงที่มีอัตราการเติบโตจากในปี 2545 ที่มีมูลค่าทั้งสิ้นราว 30,000 ล้านบาท และในปี 2547 เพิ่มขึ้นราว 40,000 ล้านบาท ส่งผลให้ประชาชนจำนวนมากมีความสนใจที่จะเข้าร่วมลงทุนธุรกิจประเภทนี้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งจากการวิเคราะห์พบว่าเหตุผลที่ทำให้คนส่วนใหญ่เลือกทำอาชีพนี้ ก็เพราะว่า 1.เป็นอาชีพที่ไม่ต้องหาเงินมาลงทุนในจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นการเช่าอาคาร อุปกรณ์สำนักงาน การจ้างพนักงาน ฯลฯ 2.สามารถมีรายได้สูงขึ้นอย่างรวดเร็วให้กับครอบครัวแบบตลอดชีวิต และยังเป็นมรดกตกทอดส่งต่อให้ลูกหลานได้ 3.ขึ้นอยู่กับความสามารถของตนเองและทีมงานในการสร้างความก้าวหน้าในอาชีพโดยไม่ต้องมีเส้นสาย 4.เป็นอาชีพที่ให้อิสระทางความคิด การวางแผนการทำงาน และเวลาทำงาน 5.ได้พัฒนาตนเองในเชิงวิชาการที่สามารถเข้ารับฟังการบรรยาย อบรม สัมมนา หรือเรียนรู้การทำธุรกิจ จากผู้ที่รู้จริงและผู้ที่มีประสบการณ์ตรง โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย รวมทั้งได้พัฒนาบุคลิกภาพให้มีบุคลิกที่ดี 6.เป็นอาชีพที่ไม่ต้องสอบคัดเลือกเข้าทำงาน ไม่มีการไล่ออก และไม่จำเป็นต้องมีประสบการณ์ทางด้านธุรกิจมาก่อน รวมทั้งไม่มีการกำหนดระดับการศึกษา
ดังนั้น จึงทำให้มีกลุ่มมิจฉาชีพบางกลุ่มฉวยโอกาสทำธุรกิจแชร์ลูกโซ่ หรือธุรกิจแบบพีระมิด แอบแฝงเข้ามาในระบบธุรกิจขายตรง ทั้งในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัดที่มักจะมีการดำเนินการ เกี่ยวกับสินค้าประเภทเครื่องดื่มสุขภาพ อาหารเพื่อสุขภาพ อาหารเสริม และน้ำสมุนไพร ฯลฯ สอดคล้องกับกระแสการดูแลและรักษาสุขภาพ
โดยผู้ประกอบธุรกิจดังกล่าวจะมีกระบวนการและวิธีการหลอกลวงหลากหลายวิธี อาทิ ใช้การโฆษณาชวนเชื่อหลอกลวง ผ่านนักขายอิสระ และสื่อต่างๆ รวมทั้งวิธีดำเนินการส่งเสริมการขาย ที่ให้ผู้บริโภคเข้าร่วมธุรกิจ ด้วยการนำเอาผลประโยชน์ที่มีรายได้สูงเข้ามาจูงใจ โดยอาศัยช่องว่างของกฎหมายทำธุรกิจ คล้ายขายตรงหวังให้ประชาชนหลงเชื่อ เข้าร่วมธุรกิจ และหลอกลวงให้หาสมาชิกมาเพิ่มมากกว่าการสร้างยอดขาย
ปรากฏการณ์ดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าธุรกิจขายตรงที่เป็นลักษณะแชร์ลูกโซ่ นับวันจะมีการพัฒนาขยายสายพันธุ์ ออกมาหลากหลายรูปแบบ จนทำให้หน่วยงานของรัฐต้องใช้เวลามากในการพิจารณาตัดสินใจดำเนินคดี และประชาชนผู้บริโภค ยากต่อการทำความเข้าใจว่าธุรกิจที่จะเข้าร่วมทำธุรกิจ หรือสมัครเป็นสมาชิกนั้นเข้าข่ายเป็นธุรกิจผิดกฎหมายหรือไม่ อย่างไรก็ดี กระแสการตื่นตัวของผู้บริโภคและหน่วยงานของรัฐที่ให้ความสนใจและเข้าปราบปรามจริงจังมากขึ้น นับว่าเป็นผลดีต่อผู้บริโภคและผู้ประกอบการขายตรง ในส่วนของผู้บริโภคก็จะได้รับประโยชน์จากบทเรียน และเห็นภัยกลยุทธ์ที่แอบแฝงมาในรูปแบบของการขายตรง ทำให้มีความรอบคอบในการพิจารณาอย่างถี่ถ้วน ต่อการสมัครเข้าเป็นสมาชิกขายตรงกับบริษัท ส่วนของผู้ประกอบการขายตรง ก็จะต้องกลับไปทบทวนแผนงานขาย และการตลาดของบริษัท ว่าจะมีลักษณะจูงใจ ที่เข้าข่ายผิดกฎหมายหรือไม่
สำหรับข้อสังเกตบริษัทที่เข้าข่ายเป็นลักษณะธุรกิจขายตรงจะมีลักษณะคือ 1.ต้องมีรายได้จากการขายสินค้าหลากหลายชนิดและมีคุณภาพ เน้นความพึงพอใจของลูกค้าเป็นหลัก นักขายอิสระต้องไม่มีรายได้ จากการระดมเครือข่าย เพราะรายได้ที่แท้จริงต้องมาจากยอดขายผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ 2.ต้องมีการอบรมในเรื่องประวัติการก่อตั้งบริษัท ทักษะการพูด รายละเอียดผลิตภัณฑ์ แผนการตลาด และกฎหมายธุรกิจขายตรง 3.ผู้ประกอบธุรกิจขายตรงต้องให้สิทธิประโยชน์แก่ผู้จำหน่ายตามที่กฎหมายกำหนด รับประกันคุณภาพ และความพอใจตัวสินค้า โดยการให้คืนหรือเปลี่ยนสินค้าได้ 4.อัตราค่าธรรมเนียมในการเริ่มต้นธุรกิจใช้เงินลงทุนต่ำ ซึ่งจะเป็นค่าสมัครและชุดคู่มือการดำเนินธุรกิจเท่านั้น 5.การจ่ายผลตอบแทน รายได้ และตำแหน่ง ต้องขึ้นอยู่กับความสามารถในการทำงานของผู้ขาย มิใช่หาสมาชิกมาเพิ่ม
ส่วนบริษัทที่เข้าข่ายเป็นธุรกิจขายตรงแบบแชร์ลูกโซ่นั้น มีข้อสังเกตดังนี้ 1.ต้องดูว่าบริษัทนั้นให้ความสนใจในเรื่องสินค้าหรือไม่ ต้องตรวจสอบดูว่าบริษัทมีสินค้าอย่างที่กล่าวอ้างหรือไม่ และสินค้ามีคุณภาพน่าเชื่อถือมากน้อยเพียงใด 2.บริษัทมีการเรียกเก็บเงินค่าธรรมเนียมในการสมัครเป็นสมาชิกในอัตราที่สูง เน้นเฉพาะการระดมเครือข่าย การล่าหัวคิว หรือการหาสมาชิกใหม่มาเพิ่มก็จะได้รับค่าคอมมิสชั่นเป็นการตอบแทน หรือหากหาสมาชิกมาซื้อสินค้าได้ตามจำนวนรายที่บริษัทกำหนดจะได้รับผลประโยชน์ในรูปแบบอื่นแทน โดยเอาสินค้ามาบังหน้าหรืออาจไม่มีสินค้าเลย รวมทั้งไม่มีนโยบายรับซื้อสินค้าคืน 3.มักมีการโน้มน้าวด้วยคำพูดในเชิงที่ว่าถ้าอยากร่ำรวยต้องชวนคนให้มาทำเยอะๆ รวมทั้งอวดอ้างสรรพคุณสินค้ามีคุณภาพเกินความจริง ซึ่งการชักชวนนั้นจะทำให้รู้สึกว่าการชักชวนให้คนอื่นมาสมัครจะได้รับเงินหรือสิ่งของอย่างง่ายดาย 4.ผู้ที่ทำธุรกิจหลอกลวงประเภทนี้ มักจะแต่งกายภูมิฐานดูดี ใส่สูทผูกเน็คไท พูดจาดีน่าเชื่อถือ จนทำให้หลงคารมหรือหลงเชื่อได้ 5.ส่วนใหญ่วิทยากรจะบรรยายในลักษณะโน้มน้าวให้เห็นข้อดีของการทำธุรกิจนี้จะทำหน้าที่เสมือนพนักงานขาย ขณะฟังการบรรยายก็จะส่งคนเข้าประกบ เมื่อจบการบรรยายก็จะเร่งรัดให้ตัดสินใจสมัครเป็นสมาชิกเลย หรือจ่ายมัดจำไว้ก่อน 6.เป็นบริษัทที่เพิ่งก่อตั้งและเปิดดำเนินกิจการเพียงไม่กี่ปี ส่วนใหญ่ตั้งบริษัทไม่เกิน 5 ปี ซึ่งกิจการจะไม่มีความยั่งยืนในการดำเนินธุรกิจ
โดยธุรกิจประเภทนี้ เมื่อได้เงินจากค่าสมาชิกเป็นจำนวนมากแล้วก็จะปิดกิจการแล้วย้ายไปที่อื่น พร้อมทั้งเปลี่ยนชื่อ-นามสกุลใหม่ ในการขอจดทะเบียนจัดตั้งเป็นบริษัทใหม่ โดยการดำเนินธุรกิจในลักษณะดังกล่าวเข้าข่ายผิดกฎหมายฉ้อโกงประชาชนตาม พ.ร.ก.การกู้ยืมเงิน พ.ศ.2527
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าจะมีหลายหน่วยงานของรัฐพยายามรณรงค์อย่างหนักและเข้าทำการกำจัดธุรกิจประเภทแชร์ลูกโซ่ และให้ความรู้กับประชาชนทั่วไปแล้วก็ตาม ก็ยังไม่สามารถกำจัดธุรกิจหลอกลวงดังกล่าวได้หมด ซึ่งการปลุกจิตสำนึกด้วยการศึกษาเพียงอย่างเดียว ไม่อาจเพียงพอกับการขจัดธุรกิจประเภทนี้ ดังนั้น หน่วยงานของรัฐต้องมีการใช้อำนาจอย่างเด็ดขาด มีบทลงโทษที่รุนแรง รวมทั้งต้องแก้ไขกฎหมายเพิ่มโทษแก่ผู้กระทำผิดให้สูงขึ้นและมีความทันสมัย จึงจะสามารถกำจัดเหล่ามิจฉาชีพที่เป็น "เหลือบของสังคม" ให้หมดหนทางทำธุรกิจหลอกลวงต่อไปได้
|
|
ความคิดเห็นที่
3 |
|
รักคนขายตรง(ใหน) |
|
13 เมษายน 2009
20:52:29 |
|
|
IP :
113.53.166.195 |
|
คุณมีสิทธิ์อะไรบ้างตามกฎหมายขายตรง โดย วันเพ็ญ หรูจิตตวิวัฒน์
ปัจจุบันสินค้าหลายประเทศใช้ระบบขายตรงในการกระจายสินค้าที่เข้าถึงลูกค้าเป็นหลัก อาจมีหรือไม่มีจำหน่ายตามศูนย์สรรพสินค้า แต่หลาย ๆ บริษัทก็มีร้านย่อยของบริษัทตามศูนย์สรรพสินค้าหลาย ๆ แห่ง แล้วยังมีการขายทาง Telemarket, TV Direct, E-mail Order, Internet เพื่อช่วยกระจายสินค้าได้อีกทางหนึ่ง
พระราชบัญญัติขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ. 2545 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 29 สิงหาคม 2545 ตราขึ้นเพื่อคุ้มครองผู้บริโภคให้เพียงพอ และเนื่องจากการประกอบธุรกิจจำหน่ายสินค้าหรือบริการในปัจจุบันใช้วิธีการทำตลาดที่เข้าถึงผู้บริโภค ด้วยการเสนอขายสินค้าหรือบริการแก่ผู้บริโภคโดยตรงยังที่อยู่อาศัย หรือสถานที่ทำงานของผู้บริโภคหรือของบุคคลอื่น หรือสถานที่อื่นที่มิใช่สถานที่ประกอบการค้าเป็นปกติ มีการอธิบายหรือสาธิตผ่านผู้จำหน่ายอิสระหรือตัวแทนขายตรง ซึ่งการเสนอขายสินค้าหรือบริการลักษณะนี้ทำให้ผู้บริโภคอยู่ในภาวะที่ไม่อาจตัดสินใจตกลงซื้อสินค้าหรือบริการอย่างอิสระและรอบคอบ อีกทั้งด้วยความก้าวหน้าของระบบการสื่อสาร จึงมีการเผยแพร่ทางสิ่งพิมพ์และสื่ออิเล็กทรอนิกส์ เพื่อให้ผู้บริโภคที่อยู่ห่างโดยระยะทางสามารถแสดงเจตนาตอบกลับซื้อสินค้าหรือบริการได้ ประกอบกับมีการโฆษณาที่กล่าวอ้างเกินจริง หรือการชักชวนประชาชนทั่วไปเข้าร่วมเครือข่ายธุรกิจ โดยจะให้ผลประโยชน์ตอบแทนจากการชักนำผู้อื่นเข้าร่วมเครือข่าย ซึ่งหลอกลวงประชาชน การทำตลาดด้วยสารพัดกลวิธีทำให้ประชาชนในฐานะผู้บริโภคตกอยู่ในฐานะเสียเปรียบ และเกิดความไม่เป็นธรรม
กฎหมายนี้ให้ความหมายของคำว่า ขายตรง ครอบคลุมการทำตลาดสินค้าหรือบริการในลักษณะของการนำเสนอขายต่อผู้บริโภคโดยตรง ณ ที่อยู่อาศัยหรือสถานที่ทำงานของผู้บริโภคหรือของผู้อื่น หรือสถานที่อื่นที่มิใช่สถานที่ประกอบการค้าปกติ โดยผ่านตัวแทนขายตรงหรือผู้จำหน่ายอิสระชั้นเดียวหรือหลายชั้น ขณะที่ ตลาดแบบตรง หมายถึง ตลาดสินค้าหรือบริการในลักษณะของการสื่อสารข้อมูลเพื่อเสนอขายสินค้าหรือบริการโดยตรงต่อผู้บริโภคซึ่งอยู่ห่างโดยระยะทาง และมุ่งหวังให้ผู้บริโภคแต่ละรายตอบกลับเพื่อซื้อสินค้าหรือบริการจากผู้ประกอบธุรกิจตลาดแบบตรงนั้น
ผู้จำหน่ายอิสระ ก็แตกต่างจากตัวแทนขายตรง โดย ผู้จำหน่ายอิสระ หมายถึง บุคคลที่ได้รับโอนกรรมสิทธิ์ในสินค้าหรือบริการจากผู้ประกอบธุรกิจขายตรง และนำสินค้าหรือบริการดังกล่าวไปเสนอขายตรงต่อผู้บริโภค แต่ ตัวแทนขายตรง หมายถึง บุคคลซึ่งได้รับมอบอำนาจจากผู้ประกอบธุรกิจขายตรงให้นำสินค้าหรือบริการไปเสนอขายตรงต่อผู้บริโภค
ผู้ประกอบธุรกิจขายตรง และผู้ประกอบธุรกิจตลาดแบบตรง ต้องจดทะเบียนการประกอบธุรกิจขายตรง และตลาดแบบตรง ภายใต้กฎหมายนี้จึงจะสามารถประกอบธุรกิจขายตรง และตลาดแบบตรงได้ โดยดำเนินการตามแผนการจ่ายผลตอบแทนที่ได้ยื่นต่อนายทะเบียนซึ่งเป็นเลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค แผนการจ่ายผลตอบแทนต้องมีลักษณะที่ต้องไม่กำหนดให้ผู้จำหน่ายอิสระหรือตัวแทนขายตรงที่ไม่ใช่ลูกจ้างได้รับผลตอบแทนที่เป็นรายได้หลักจากการรับสมัครบุคคลหรือแนะนะผู้จำหน่ายอิสระหรือตัวแทนขายตรงที่ไม่ใช่ลูกจ้างอื่นเข้าร่วมเป็นเครือข่ายในการประกอบธุรกิจขายตรง ต้องไม่บังคับให้ผู้จำหน่ายอิสระซื้อสินค้า ต้องไม่ชักจูงให้ผู้จำหน่ายอิสระซื้อสินค้าในปริมาณมากเกินไปอย่างไม่สมเหตุสมผล นอกจากนั้น แผนการจ่ายผลตอบแทนยังต้องมีผลตอบแทนที่เป็นรายได้หลักของผู้จำหน่ายอิสระหรือตัวแทนขายตรงที่ไม่ใช่ลูกจ้างขึ้นอยู่กับการขายสินค้าหรือบริการแก่ผู้บริโภค รวมไปถึงการซื้อเพื่อการใช้หรือบริโภคเอง แล้วยังต้องแสดงวิธีการคิดคำนวณการจ่ายผลตอบแทนที่ตรงต่อความเป็นจริง หรือเป็นไปได้จริง และอย่างเปิดเผยชัดเจน รวมถึงลักษณะอื่นตามที่คณะกรรมการขายตรงและตลาดแบบตรงกำหนดไว้ หากแผนการจ่ายผลตอบแทนใดมีลักษณะแตกต่างจากข้างต้น ให้มีผลบังคับใช้เท่าที่เป็นธรรมแก่ผู้จำหน่ายอิสระหรือตัวแทนขายตรงที่ไม่ใช่ลูกจ้าง
คณะกรรมการขายตรงและตลาดแบบตรง ประกอบด้วยประธานหนึ่งคน ซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งจากผู้มีความรู้ความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับการขายตรงและการตลาดแบบตรง กรรมการโดยตำแหน่งจำนวน 4 คน คือ อธิบดีกรมการค้าภายใน อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหะกรรม ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กรรมการซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งจำนวน 4 คน. โดยจากสมาคมเกี่ยวกับธุรกิจขายตรง 1 คน จากสมาคมเกี่ยวกับธุรกิจตลาดแบบตรง 1 คน จากสมาคมหรือมูลนิธิเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค 2 คน กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจำนวน 4 คน ซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งจากผู้มีความรู้ความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับการขายตรงหรือการตลาดแบบตรง โดยในจำนวน 4 คนนี้ 2 คนต้องเป็นผู้ทรงคุณวุฒิภาคเอกชน และเลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคเป็นกรรมการและเลขานุการ
ข้อสำคัญอีกประการหนึ่ง คือ ประธานกรรมการต้องไม่ดำรงตำแหน่ง หรือเป็นหุ้นส่วน หรือเป็นผู้ถือหุ้นเกินจำนวนร้อยละ 10 ในห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทที่ประกอบธุรกิจขายตรงหรือตลาดแบบตรงในระยะหนึ่งปีก่อนดำรงตำแหน่งหรือระหว่างดำรงตำแหน่งประธานกรรมการ
คณะกรรมการขายตรงและตลาดแบบตรง มีอำนาจหน้าที่ ได้แก่ ในการพิจารณาเรื่องร้องทุกข์จากผู้บริโภคที่ได้รับความเดือดร้อนหรือเสียหายจากกระบวนการขายตรงหรือตลาดแบบตรง แจ้งหรือโฆษณาข่าวสารเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายหรือเสื่อมเสียแก่สิทธิ์ของผู้บริโภค กำกับดูแลผู้ประกอบธุรกิจขายตรงหรือตลาดแบบตรง วางระเบียบหรือประกาศเกี่ยวกับการปฏิบัติการตามกฎหมายนี้ พิจารณาวินิจฉัยการอุทธรณ์คำสั่งของนายทะเบียน เสนอแนะในการออกกฎกระทรวงตามกฎหมายนี้ หรือเรื่องอื่นตามที่คณะรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีมอบหมาย
สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองผู้บริโภคเป็นผู้รับผิดชอบงานธุรการของคณะกรรมการ และมีหน้าที่รับคำขอจดทะเบียนการประกอบธุรกิจขายตรงและตลาดแบบตรง ติดตามสอดส่องพฤติการณ์ในการประกอบธุรกิจขายตรงและตลาดแบบตรงและปฏิบัติงานให้เป็นไปตามกฎหมายนี้
กฎหมายมีข้อห้ามมิให้ผู้ประกอบธุรกิจขายตรง และผู้ประกอบธุรกิจตลาดแบบตรง ดำเนินการที่เป็นการชักชวนบุคคลเข้าร่วมเครือข่ายโดยตกลงจะให้ผลประโยชน์ตอบแทนจากการหาผู้เข้าร่วมเครือข่ายตามจำนวนผู้เข้าร่วมเครือข่ายที่เพิ่มขึ้น แล้วยังห้ามผู้ประกอบธุรกิจขายตรงเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการสมัครเข้าเป็นสมาชิก ค่าฝึกอบรม ค่าวัสดุอุปกรณ์ส่งเสริมการขาย หรือค่าธรรมเนียมอื่นที่เกี่ยวเนื่องกับการเข้าร่วมเครือข่ายในการประกอบธุรกิจขายตรงจากผู้จำหน่ายอิสระหรือตัวแทนขายตรงที่ไม่ใช่ลูกจ้างในอัตราสูงกว่าที่คณะกรรมการประกาศกำหนด
สัญญาระหว่างผู้จำหน่ายอิสระกับผู้ประกอบธุรกิจขายตรง และสัญญาระหว่างตัวแทนขายตรงที่ไม่ใช่ลูกจ้างกับผู้ประกอบธุรกิจขายตรง ให้ทำเป็นหนังสือซึ่งอย่างน้อยต้องมีรายละเอียดเรื่องของเงื่อนไขที่ชัดเจนเกี่ยวกับการจ่ายผลตอบแทนตามแผนการจ่ายผลตอบแทน เงื่อนไขที่ชัดเจนเกี่ยวกับค่าธรรมเนียมการสมัคร ค่าฝึกอบรม ค่าวัสดุอุปกรณ์ส่งเสริมการขาย หรือค่าธรรมเนียมอื่น และเงื่อนไขที่ชัดเจนเกี่ยวกับการที่ผู้ประกอบธุรกิจขายตรงจะรับซื้อสินค้า วัสดุอุปกรณ์ส่งเสริมการขาย ชุดคู่มือ หรืออุปกรณ์ส่งเสริมธุรกิจคืนจากผู้จำหน่ายอิสระ หรือตัวแทนขายตรง รวมถึงกำหนดระยะเวลาที่ผู้จำหน่าย หรือตัวแทนขายตรงสามารถใช้สิทธินั้น
ผู้จำหน่ายอิสระสามารถใช้สิทธิคืนสินค้า วัสดุอุปกรณ์ส่งเสริมการขาย ชุดคู่มือหรืออุปกรณ์ส่งเสริมธุรกิจที่ซื้อไปจากผู้ประกอบธุรกิจขายตรง ให้ผู้ประกอบธุรกิจขายตรงซื้อคืนตามราคาที่ผู้จำหน่ายอิสระได้จ่าย ภายในระยะเวลา 15 วันนับแต่วันที่ผู้จำหน่ายอิสระใช้สิทธิคืน แต่หากใช้สิทธิคืนกรณีหมดเขตตามสัญญาข้างต้น ผู้ประกอบธุรกิจขายตรงมีสิทธิหักค่าดำเนินการได้ไม่เกินอัตราที่คณะกรรมการประกาศกำหนด แล้วยังมีสิทธิหักกลบลบหนี้ใดที่เกี่ยวกับสัญญาซึ่งผู้จำหน่ายอิสระต้องชำระ
การเสนอขายสินค้าให้แก่ผู้บริโภคโดยตรงยังที่อยู่อาศัย หรือสถานที่ทำงานของผู้บริโภคหรือของผู้อื่น หรือสถานที่อื่น ผู้จำหน่ายอิสระหรือตัวแทนขายตรงต้องได้รับอนุญาตจากผู้บริโภคหรือผู้ครอบครองสถานที่ก่อน และต้องไม่กระทำการใดอันเป็นการรบกวนหรือก่อให้เกิดความรำคาญแก่ผู้อื่น ทั้งนี้ ผู้จำหน่ายอิสระหรือตัวแทนขายตรงต้องแสดงบัตรประจำตัวประชาชนและบัตรประจำตัวผู้จำหน่ายอิสระหรือตัวแทนขายตรงที่ออกโดยผู้ประกอบธุรกิจขายตรงด้วย
ผู้จำหน่ายอิสระ ตัวแทนขายตรง หรือผู้ประกอบธุรกิจตลาดแบบตรงมีหน้าที่ส่งมอบเอกสารการซื้อขายสินค้าหรือบริการแก่ผู้บริโภค เอกสารการซื้อขายต้องมีข้อความภาษาไทยที่อ่านเข้าใจง่าย ระบุชื่อผู้ซื้อและผู้ขาย วันที่ซื้อขาย และวันที่ส่งมอบสินค้าหรือบริการ และสิทธิของผู้บริโภคในการเลิกสัญญาที่กำหนดด้วยตัวอักษรที่เห็นชัดกว่าข้อความทั่วไป โดยคณะกรรมการมีอำนาจกำหนดรายละเอียดในเอกสารการซื้อขาย ซึ่งอย่างน้อยต้องมีรายการดังกล่าวข้างต้นแล้วยังต้องมีกำหนดเวลา สถานที่ และวิธีการในการชำระหนี้ มีสถานที่ และวิธีการในการส่งมอบสินค้าหรือบริการ มีวิธีการเลิกสัญญา มีวิธีการคืนสินค้า มีการรับประกันสินค้า และมีการเปลี่ยนสินค้าในกรณีมีความชำรุดบกพร่อง
หากการซื้อขายสินค้าหรือบริการใดที่ผู้จำหน่ายอิสระ ตัวแทนขายตรง หรือผู้ประกอบธุรกิจตลาดแบบตรง ไม่ได้จัดให้มีเอกสารการซื้อขายที่มีข้อความ และรายละเอียดข้างต้น ย่อมไม่มีผลผูกพันผู้บริโภค นอกจากนั้น ในการซื้อสินค้าหรือบริการจากการขายตรงหรือจากการขายผ่านตลาดแบบตรง ผู้บริโภคมีสิทธิเลิกสัญญาด้วยการส่งหนังสือแสดงเจตนาภายในเวลา 7 วันนับแต่วันที่ได้รับสินค้าหรือบริการ ไปยังผู้ประกอบธุรกิจขายตรงหรือผู้ประกอบธุรกิจตลาดแบบตรง สำหรับธุรกิจขายตรงผู้บริโภคจะแจ้งไปยังผู้จำหน่ายอิสระหรือตัวแทนขายตรงที่เกี่ยวข้องก็ได้ แล้วผู้จำหน่ายอิสระ ตัวแทนขายตรง ผู้ประกอบธุรกิจขายตรง หรือผู้ประกอบธุรกิจตลาดแบบตรง ต้องคืนเงินเต็มจำนวนที่ผู้บริโภคจ่ายไปเพื่อการซื้อสินค้าหรือบริการนั้นภายในกำหนดเวลา 15 วันนับแต่วันที่ได้รับหนังสือแสดงเจตนาเลิกสัญญา หากไม่คืนเงินตามจำนวนและภายในกำหนดระยะเวลา ผู้จำหน่ายอิสระ ตัวแทนขายตรง ผู้ประกอบธุรกิจขายตรง หรือผู้ประกอบธุรกิจตลาดแบบตรง ต้องชำระเบี้ยปรับตามอัตราที่คณะกรรมการประกาศกำหนด
กรณีที่มีคำรับประกันสินค้าหรือบริการให้จัดทำเป็นภาษาไทยและระบุถึงสิทธิของผู้บริโภคในการเรียกร้องสิทธิตามคำรับประกันที่ชัดเจนและสามารถเข้าใจได้ถึงเงื่อนไขที่ระบุไว้ โดยรายละเอียดเกี่ยวกับคำรับประกันสินค้าหรือบริการให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการประกาศกำหนด
ผู้บริโภคที่ใช้สิทธิเลิกสัญญาต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งกล่าวคือ ส่งคืนสินค้า หรือเก็บรักษาสินค้าไว้ตามสมควรภายในระยะเวลา 21 วันนับแต่วันที่ใช้สิทธิเลิกสัญญา เว้นแต่สินค้านั้นเป็นของเสียง่ายโดยสภาพไม่อาจเก็บรักษาได้ภายในระยะเวลาดังกล่าว ให้เก็บรักษาตามเวลาและวิธีการอันควรแก่สภาพ เมื่อพ้นกำหนดนั้นแล้ว ผู้บริโภคจะเก็บรักษาสินค้านั้นไว้หรือไม่ก็ได้ โดยหากผู้บริโภคเลือกกรณีที่สองก็ต้องส่งคืนสินค้าโดยให้ผู้จำหน่ายอิสระ ตัวแทนขายตรง ผู้ประกอบธุรกิจขายตรง หรือผู้ประกอบธุรกิจตลาดแบบตรง แล้วแต่กรณี มารับคืนยังภูมิลำเนาของผู้บริโภค แต่ผู้บริโภคอาจส่งคืนสินค้าทางไปรษณีย์ที่เรียกเก็บเงินปลายทาง ภายในระยะเวลาในกรณีที่สอง หากผู้ประกอบธุรกิจขายตรงหรือผู้ประกอบธุรกิจตลาดแบบตรงร้องขอ อย่างไรก็ตาม ถ้าสินค้าเป็นของใช้สิ้นเปลือง ผู้บริโภคมีหน้าที่คืนเฉพาะส่วนที่เหลือจากการใช้ก่อนใช้สิทธิเลิกสัญญา แต่ผู้บริโภคก็มีสิทธิที่จะยึดหน่วงสินค้าไว้จนกว่าจะได้รับคืนเงินที่ผู้บริโภคจ่ายไปในการซื้อสินค้านั้น
การฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามกฎหมายนี้มีโทษจำคุกระหว่างไม่เกิน 1 เดือนถึงไม่เกิน 5 ปี หรือปรับระหว่างไม่เกิน 10,000 บาทถึงไม่เกิน 500,000 บาท
กฏหมายฉบับนี้ช่วยสร้างความยุติธรรมให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องในกระบวนการขายตรง หรือตลาดแบบตรง ไม่ว่าจะเป็นผู้จำหน่ายอิสระ ตัวแทนขายตรง ผู้ประกอบธุรกิจขายตรง ผู้ประกอบธุรกิจตลาดแบบตรง และผู้บริโภค โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ด้วยความก้าวหน้าและพัฒนาของระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ เป็นผลให้กระบวนการขายตรงมีการนำระบบ online มาใช้ในการสั่งซื้อสินค้ามากขึ้น ลดต้นทุนที่เกิดขึ้นจากคนกลาง ประหยัดต้นทุนสินค้า ผู้บริโภคก็สามารถซื้อสินค้าด้วยราคาย่อมเยา ทำให้ผู้บริโภคได้ประโยชน์สูงสุด
ที่มา : http://www.manager.co.th
|
|
ความคิดเห็นที่
4 |
|
รักคนขายตรง(ใหน) |
|
13 เมษายน 2009
20:58:05 |
|
|
IP :
113.53.166.195 |
|
เตือนภัยธุรกิจขายตรงไม่มีอย. เผยธุรกิจขายตรงจากมาเลย์ระบาดในเชียงใหม่ อ้างเป็นอาหารเสริมรักษาโรคร้ายนานาชนิด ทั้งที่ยังไม่ผ่าน สคบ. และไม่มี อย.รับรอง แต่จัดอบรมสมาชิกไปแล้วหมออย.สาธารณสุขเชียงใหม่เตือนประชาชนตรวจสอบให้ดีก่อนซื้อมากิน หากไม่มีหลักฐานใดรับรอง ระวังจะสูญเงินเปล่า ทั้งนี้ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนในเขตเมืองเชียงใหม่ว่า ในระยะนี้มีบริษัทขายอาหารเสริม และยาหลายบริษัท เข้ามาชักชวนชาวบ้านที่ว่างงานหรือต้องการได้งานเสริมหารายได้พิเศษ อ้างมีรายได้สูงหากสามารถขายสินค้าแบบขายตรงของบริษัทได้ เนื่องจากระยะนี้ภาวะเศรษฐกิจต่างซบเซา และค่าครองชีพสูง ทำให้ประชาชนหลงเชื่อ เช่น ธุรกิจขายตรงรายหนึ่ง ชักชวนให้ขายอาหารเสริมมาจากประเทศมาเลเซีย โดยไม่มีการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ สคบ. และไม่มีเครื่องหมาย อย. จากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา แต่ได้นำมาอวดอ้างสรรพคุณว่าคนกินแล้วจะหายจากโรคร้ายต่างๆ เภสัชกรอิศรา นานาวิชิต สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่าได้รับร้องเรียนเช่นเดียวกันว่า มีธุรกิจขายตรงจากต่างประเทศ ทั้งจีน และมาเลเซีย เข้ามาแนะนำขายตรงกับประชาชนหลายชนิด โดยไม่ผ่านการรับรองจากทางราชการ ทั้งจาก สคบ. และ อย. ซึ่งถือว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย และที่สำคัญคืออาหารเสริม หรือผู้นำไปขายเรียกว่ายาวิเศษสรรพคุณครอบจักรวาลนั้น จะทำให้ผู้ซื้อสูญเงินเปล่า เพราะหลงเชื่อคำอวดอ้างโฆษณาแบบปากต่อปาก ล่าสุดที่มีผู้นำหลักฐานมาร้อง เป็นธุรกิจขายตรงอาหารเสริมยี่ห้อ xxx มีการนำเข้ามาจากประเทศมาเลเซีย ขณะนี้กำลังตรวจสอบอยู่ว่าดำเนินการถูกต้องแล้วหรือไม่ หากไม่ได้ผ่านการรับรองแล้วก็ถือว่าผิดกฎหมาย ประชาชนที่มีความสงสัยในเรื่องนี้สอบถามรายละเอียดได้จาก สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ โทร. 053-211048 |
|
ความคิดเห็นที่
5 |
|
รักคนขายตรง(ใหน) |
|
13 เมษายน 2009
20:58:51 |
|
|
IP :
113.53.166.195 |
|
ประกาศเตือนภัยธุรกิจขายตรงในลักษณะแชร์ลูกโซ่ กรณีกรีนแพลนเนท 108 คอร์เปอร์เรชั่น จำกัด กระทรวงการคลัง -- อังคารที่ 22 กุมภาพันธ์ 2005 13:32:30 น. นายสมชัย สัจจพงษ์ รองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวง การคลัง กล่าวว่า ตามที่ปรากฏเป็นข่าวทางหนังสือพิมพ์กรณีกรมสอบสวนคดีพิเศษได้เข้าดำเนินการ ตรวจค้นบริษัทกรีนแพลนเนท 108 คอร์เปอร์เรชั่น จำกัด (บริษัท) และบริษัทร่วมรวย โอคาเน่ อินเตอร์เนชั่นแนลจำกัด และจับกุม นายกิตติพงษ์ เมธาธรรม นางอัมพร วสุวัต กรรมการผู้จัดการและกรรมการบริษัทกรีนแพลนเนทฯ และนายธนกฤต ฉัตรทันนิเทศ กรรมการผู้จัดการบริษัทร่วมรวยฯ ในความผิดฐานฉ้อโกงประชาชนตามประมวลกฎหมายอาญา และกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนตามพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการ ฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 โดยบริษัทได้ดำเนินแผนการตลาดด้วยการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายพิเศษ แจก รถยนต์ BENZ / Honda /Toyota หากต้องการเข้าร่วมกิจกรรมที่กล่าว จะต้องจ่ายค่าสมัครสมาชิก จำนวน 200 บาท และต้องซื้อสินค้าของบริษัท จำนวน 18,000 บาท หากสามารถหาสมาชิกใหม่มาเป็นเครือข่ายซื้อสินค้าของบริษัท จำนวน 18,000 บาท จะได้รับเงินค่าคอมมิชชั่น จำนวน 1,000 บาท และหากสามารถหาสมาชิกใหม่มาซื้อสินค้าของบริษัท จำนวน 18,000 บาท ได้ครบจำนวนรายตามที่บริษัทกำหนดจะได้รับผลประโยชน์ตอบแทนเป็นเงินปันผล หรือ รถยนต์ BENZ / Honda / Toyota นั้น
|
|
ความคิดเห็นที่
6 |
|
รักคนขายตรง(ใหน) |
|
13 เมษายน 2009
21:00:24 |
|
|
IP :
113.53.166.195 |
|
อยากสวยหน้าใสระวังเยิน แฝงภัยจากเครื่องสำอางขายตรง อยากสวยหน้าใสระวังเยิน แฝงภัยจากเครื่องสำอางขายตรง ติงสาวๆระวังเครื่องสำอางแสดงสรรพคุณกำจัดสิว ฝ้า กระ จุดด่างดำ ใช้แล้วหน้าใส เนียนสวย ขายตามร้านเสริมสวยและขายตรง อย.เผย พบเสียโฉม หน้าดำ รักษาไม่หายมาแล้วหลายราย โดยเฉพาะเครื่องสำอางที่ไม่แจ้งแหล่งผลิต มีความเสี่ยงสูงที่จะมีสารห้ามใช้ อันตรายร้ายแรงมาก แถมผู้ขายไม่รับผิดชอบ แนะ ให้ใช้เครื่องสำอางที่มีฉลากภาษาไทย มีรายละเอียดครบถ้วน แจ้งแหล่งผลิตชัดเจน
น.พ.ศุภชัย คุณารัตนพฤกษ์ เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่าสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้รับการร้องเรียนจากผู้บริโภคหลายรายว่า มีผู้นำเครื่องสำอางมาขายในลักษณะขายตรง หรือขายตามร้านเสริมสวยพร้อมบริการทำหน้าให้ และโอ้อวดสรรพคุณเครื่องสำอางว่าทำให้หน้าใส เนียนสวย ลดริ้วรอยเ+++่ยวย่นได้ ซึ่งมีผู้หลงเชื่อเป็นจำนวนมาก ซื้อเครื่องสำอางพร้อมให้ทำหน้า โดยในการทำหน้านั้น ผู้ขายจะนำเครื่องสำอางมาพอกที่หน้าแล้วทิ้งไว้ไม่ต้องล้างออก ถ้ามีอาการแสบร้อน แดง คัน หน้าลอกต้องอดทน แล้วจะสวยภายหลัง ปรากฏว่าเมื่อล้างเครื่องสำอางออกแล้ว ผิวหน้าจะแดง และต่อมาจะกลายเป็นหน้าดำถาวร รักษาไม่หาย หรือบางรายให้ซื้อเครื่องสำอางเป็นชุดไปใช้เอง เกิดอาการแพ้ มีผื่นคัน เมื่อโทรแจ้งไปยังผู้ขาย ผู้ขายกลับไม่รับผิดชอบอ้างว่าเป็นเพราะผู้เสียหายใช้สารเคมีอื่นๆ มามาก มีสารตกค้างเยอะ คนอื่นใช้แล้วไม่มีปัญหา
ส่วนใหญ่แล้วเครื่องสำอางที่ขายในลักษณะนี้ ฉลากจะไม่แจ้งแหล่งผลิต ซึ่งมีความเสี่ยงสูงที่จะมีสารห้ามใช้ เช่น สารไฮโดรควิโนน กรดวิตามินเอ ปรอทแอมโมเนีย ที่อันตรายร้ายแรงมากคือ ทำให้หน้าเสียโฉมถาวร รักษาไม่หาย อย.จึงขอเตือนผู้บริโภค ถ้ามีผู้มาเสนอขายเครื่องสำอาง ควรใช้วิจารณญาณก่อนตัดสินใจซื้อ โดยสังเกตที่ฉลาก ต้องมีภาษาไทย แสดงส่วนประกอบสำคัญ วิธีใช้ คำเตือน วันเดือนปีที่ผลิต ชื่อที่ตั้งผู้ผลิตหรือผู้จำหน่าย
ควรทดสอบอาการแพ้ก่อนใช้ โดยทาเครื่องสำอางปริมาณเล็กน้อย ที่บริเวณท้องแขน ทิ้งไว้ 24-48 ชั่วโมง ถ้าไม่มีความผิดปกติใดๆเกิดขึ้น แสดงว่าใช้ได้ แต่หากเกิดอาการระคายเคือง คัน แสบ ร้อน แดง บวม ผิวลอก ให้หยุดใช้ทันที ถ้าอาการยังไม่ดีขึ้น ควรนำผลิตภัณฑ์ไปปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร เพื่อการรักษาที่ถูกต้องเหมาะสมต่อไป ทั้งนี้อาการแพ้อาจเกิดกับผู้ใช้เฉพาะราย
อย่างไรก็ตามการใช้เครื่องสำอางนั้น มีวัตถุประสงค์เพื่อความสวยงามในทันที ไม่ใช่ต้องอดทนแล้วจะสวยภายหลัง ซึ่งมักปรากฏว่าเสียโฉมรักษาไม่หายมาแล้วหลายราย อีกทั้งผู้ขายมักไม่รับผิดชอบ ดังนั้นหากจะหาผู้รับผิดชอบกรณีเกิดปัญหาหรือความเสียหายจากการใช้เครื่องสำอาง ควรซื้อเครื่องสำอางที่แจ้งแหล่งผลิตที่เชื่อถือได้
นอกจากนี้ควรขอหลักฐานการซื้อขายเครื่องสำอาง หรือใบเสร็จรับเงินซึ่งมีชื่อที่อยู่ที่ติดต่อได้ของผู้ขาย และ หากพบเห็นการโฆษณาขายเครื่องสำอางที่โอ้อวดสรรพคุณเกินจริง สามารถร้องเรียนได้ที่โทร. 0 2590 7354-5 หรือสายด่วนผู้บริโภคกับ อย. 1556 กด 0 หรือทางไปรษณีย์ที่ตู้ ปณ. 52 ปณจ. นนทบุรี 11000 เลขาธิการฯ กล่าวในที่สุด
ที่มา : ผู้จัดการรายวัน |
|
ความคิดเห็นที่
7 |
|
รักคนขายตรง(ใหน) |
|
13 เมษายน 2009
21:02:37 |
|
|
IP :
113.53.166.195 |
|
ฉบับที่ 79/2546 วันที่ 13 พฤศจิกายน 2546 ประกาศเตือนภัยธุรกิจขายตรงในลักษณะแชร์ลูกโซ่ กรณีบริษัทเอเซี่ยน เจมส์ จำ กัด ___________________ ตามที่ปรากฏเป็นข่าวทางหนังสือพิมพ์กรณีเจ้าหน้าที่ตาํ รวจภูธร จ.บรุ รี มั ย ์ รว่ มกบั เจา้ หนา้ ที่ ตำ รวจภูธร จ.นนทบุรี ได้เข้าทำ การตรวจค้นบริษัทเอเซี่ยน เจมส์ จำ กัด ซึ่งประกอบธุรกิจจำ หน่ายสินค้า ประเภทอัญมณีและเครื่องประดับ เลขที่ 9/37 ซอยงามวงศ์วาน 23 ต.บางกระสอ อ.เมือง จ.นนทบุรี (โรง แรมเชี่ยวหัตถ์พงษ์ ชั้น 2) และบ้านเลขที่ 315 แขวงและเขตบางซื่อ กรุงเทพมหานคร เพื่อจับกุมนายพิธาน เชี่ยวหัตถ์พงษ์ รองประธานและกรรมการผู้จัดการบริษัทฯ และนางอนงค์นุช เชี่ยวหัตถ์พงษ์ ตามหมายจับ ของศาลจจังหวัดบุรีรัมย์ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และข้อหากระทำ ความผิดตามพระราชกำ หนด การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน แต่ไม่พบตัว และได้จับกุมนายบุญส่ง อิ่มพรหม ซึ่งถูกออกหมาย จับในข้อหาเดียวกัน นั้น กระทรวงการคลังร่วมกับกองบังคับการสืบสวนสอบสวนคดีเศรษฐกิจ (สศก.) สำ นักงาน ตำ รวจแห่งชาติ ได้ตรวจสอบแล้วพบว่า ปัจจุบันมีบริษัทซึ่งประกอบธุรกิจจำ หน่ายสินค้าประเภทอัญมณี และเครื่องประดับ อาหารเสริมสุขภาพ โดยการรับสมัครสมาชิกเพื่อขายสินค้า และต้องจ่ายเงินค่าสมัคร และค่าซื้อสินค้าจำ นวนหนึ่ง โดยอ้างว่าจะได้รับผลประโยชน์ตอบแทนในอัตราสูง แต่โดยข้อเท็จจริง บริษัทเหล่านี้ไม่มีวัตถุประสงค์ในการขายสินค้าแต่อย่างใด แต่จะเน้นการให้สมาชิกหาสมาชิกรายใหม่ เพื่อจะได้รับเงินค่าสมัครและค่าซื้อสินค้า และนำ เงินที่ได้รับจากสมาชิกรายใหม่มาจ่ายเป็นผลประโยชน์ ตอบแทนสมาชิกรายเดิมหมุนเวียนเป็นระบบแชร์ลูกโซ่ต่อไปเรื่อย ๆ พฤติกรรมที่กล่าวเป็นการกระทำ ความผิดตามพระราชกำ หนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ต้อง ระวางโทษจำ คุกตั้งแต่ห้าปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่ห้าแสนถึงหนึ่งล้านบาท และปรับอีกไม่เกินวันละหนึ่ง หมื่นบาทตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนอยู่ และนอกจากบริษัท กรรมการ ผู้จัดการ หรือผู้ซึ่งรับผิดชอบในการ ดำ เนินงานของบริษัทจะต้องได้รับโทษแล้ว พนักงานหรือลูกจ้างของบริษัทซึ่งเป็นผู้ร่วมดำ เนินการกับ บริษัทจะต้องได้รับโทษตามที่กล่าวด้วย กระทรวงการคลังขอเรียนว่า ขณะนี้บริษัทที่มีพฤติการณ์ดังกล่าวได้ขยายตัวลุกลามไปดำ เนิน ธุรกิจตามต่างจังหวัดทั่วประเทศ จึงใคร่ขอเตือนประชาชนว่า อย่าได้หลงเชื่อบุคคลหรือบริษัทซึ่งมีพฤติ การณ์ในลักษณะดังกล่าว และหากประชาชนผู้ใดได้รับความเสียหายหรือถูกหลอกลวงหรือพบเห็นการ 2 กระทำ หรือมีข้อมูล เบาะแสของบริษัทใด ๆ ที่มีพฤติการณ์ในลักษณะดังกล่าว ขอให้ร้องเรียน แจ้งความ หรือร้องทุกข์ได้ที่ - กลุ่มงานป้องปรามการเงินนอกระบบ สำ นักงานปลัดกระทรวงการคลัง กระทรวงการ คลัง ถนนพระรามหก โทร. สายด่วนการเงินนอกระบบ หมายเลข 1359 หรือ 0-2273-9020 ต่อ 3282-6 - กองบังคับการสืบสวนสอบสวนคดีเศรษฐกิจ (สศก.) สำ นักงานตำ รวจแห่งชาติ ถนน สาทรเหนือ โทร. 0-2234-5721 และ - กองคุ้มครองผู้บริโภคด้านโฆษณา สำ นักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ทำ เนียบ รัฐบาล ถนนราชดำ เนินนอก โทร. 0-2629-7037-9 ___________________ |
|
ความคิดเห็นที่
8 |
|
รักคนขายตรง(ใหน) |
|
13 เมษายน 2009
21:06:35 |
|
|
IP :
113.53.166.195 |
|
ภัยมืด...แชร์ลูกโซ่เงินสะพัด 4-5 หมื่นล้าน แชร์ลูกโซ่ ภัยมืดที่มาพร้อมกับเศรษฐกิจ "ขาลง" และต้องตะลึง! เมื่อดีเอสไอเผยว่า 2 ปีที่ผ่านมา ห่วงโซ่นี้มีเงินหมุนเวียนมากถึง 4-5 หมื่นล้าน แม้ว่าจากฐานข้อมูลดีเอไอจะรวบรวมตัวเลขความเสียหายได้ประมาณ 1,426 ล้านบาท จากจำนวนผู้เสียหายทั้งหมดประมาณ 6,400 คน แต่ "พันเอกปิยะวัฒก์ กิ่งเกตุ" ผู้บัญชาการสำนักคดีอาญาพิเศษหรือ ดีเอสไอ เชื่อว่า มูลค่า "เงินนอกระบบ" สูงมากมายกว่านั้นมาก และตัวเลข 4-5 หมื่นล้านบาท เป็นแชร์ลูกโซ่ในคดีใหญ่ที่มีผู้เสียหายไม่น้อยกว่า 50 คน หรือ มูลค่าความเสียหายต่อคดีที่ไม่น้อยกว่า 20 ล้านบาท ปัจจุบันมีคดีในมือดีเอสไอแล้ว 20 กว่าคดี และแต่ละวงแชร์มีผู้เกี่ยวข้อง "หลักหมื่น" บางคดีสูงถึง "ล้านราย" ทีเดียว
ซึ่งจากหลักฐาน และฐานข้อมูลที่ดีเอสไอรวบรวมได้หลังจาก "ทลายรัง" แก๊งแชร์ลูกโซ่แต่ละรายพบฐานสมาชิกจำนวนมาก เราพบว่ามีผู้เสียหายที่เข้ามาฟ้องร้องกับดีเอสไอเพียง 20% ของผู้เสียหายทั้งหมดเท่านั้น"
โดย คดีอีซี่เน็ตเวอร์ค แม้จะมีผู้เสียหายที่เข้าร้องเรียนเพียง 453 ราย คิดเป็นมูลค่าความเสียหายประมาณ 132 ล้านบาท แต่ฐานข้อมูลของบริษัท ระบุว่ามีสมาชิกมากถึง 5.5 หมื่นราย ซึ่งในคดีนี้ ผู้บัญชาการ ดีเอสไอ คาดว่า ความเสียหายอาจจะมากถึง 1.6-17 หมื่นล้านบาท ทีเดียว
ขณะที่ ซีวันนูเทรี้ยน มูลค่าความเสียหายที่ฟ้องร้องกับดีเอสไอมีเพียง 59 ราย คิดเป็นวงเงินเสียหาย 1.4 ล้านบาท ในระบบฐานข้อมูลบริษัทมีสมาชิกมากถึง 2.7 หมื่นรายหรือในคดีไทยเน็ตเวิร์ค หรือสยามไลน์ ฐานสมาชิกมากถึง 4 หมื่นราย แต่มีผู้เข้าฟ้องร้องแค่ 598 ราย
แม้ว่าวงเงินลงทุนต่อรายจะไม่สูงมาก เฉลี่ยเพียง 2,900 บาทต่อคน แต่พบว่า สมาชิกส่วนใหญ่ลงทุนมากกว่า 1 หุ้น และเล่นกันมากว่า 1 รอบโดยเฉพาะมือแรกๆ เมื่อลงทุนแล้ว "ได้" มักจะเพิ่มวงเงินลงทุนมากขึ้นๆ เพราะเห็นว่า "คุ้ม" ทำให้วงแชร์ใหญ่ขึ้น และแต่ละรายที่ได้รับความเสียหายไม่น้อยกว่า 5 แสนบาทขึ้นไป"บางรายมากถึงหลักล้าน 2-6 ล้านบาท สูงสุดที่เราพบมีมากถึง 27 ล้านบาท ในคนๆ เดียว
จากที่ทำมาหลายๆ คดี เราพบว่าผู้เสียหายจำนวนมากไม่กล้ามาร้องเรียน ซึ่งอาจจะเป็นเพราะผู้เสียหายมีหน้าตา มีชื่อเสียงในสังคม เราจึงได้ผู้เสียหายแค่ 20% ของผู้เสียหายทั้งหมด" นอกจากนี้เขายังได้รับการยืนยันจากเหยื่อคดีแชร์ข้าวสารด้วยว่า วงแชร์ใหญ่กว่าดีเอสไอคาดมาก
"มีผู้เสียหายคนหนึ่งที่โทรมาขอบคุณเราที่ตัดโซ่แชร์ข้าวสารลงก่อนได้ ซึ่งเขาพร่ำเตือนพ่อแม่ว่าอย่าไปลงทุนเลย เป็นการหลอกลวง เราก็ถามว่าพ่อแม่คุณเป็นสมาชิกคนที่เท่าไร เค้าบอกว่าล้านกว่า.." และล่าสุดแชร์น้ำมันที่ดีเอสไอกำลังขอหมายจับมีความเสียหายไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท ทั้งหมดนี้คือความเสียหายของระบบเศรษฐกิจ
"แชร์ลูกโซ่" มาพร้อมกับเศรษฐกิจ "ขาลง" พันเอกปิยะวัฒก์ บอกว่า ตั้งแต่ตั้งดีเอสไอปลายปี 49 คดีแชร์ลูกโซ่หลั่งไหล่เข้ามาราวกับดอกเห็ด จนถึงปัจจุบันส่งฟ้องแล้วประมาณ 34 คดี และยังค้างอีก 12-13 เรื่อง "ภาพรวมมีผู้เสียหายที่เข้ามาร้องกับเราประมาณ 6 พันกว่าคน และผู้ต้องหาประมาณ 141 คน" และดูเหมือนว่าตัวเลขนี้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และกำลังขยายตัวออกส่วนภูมิภาคอย่างรวดเร็ว ทั้งในภาคเหนือ อีสาน ใต้ ยิ่งในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ หายห่วง.. ถึงขนาดดีเอสไอ บอกว่า แพร่พันธุ์ไวยิ่งกว่าดอกเห็ด
พันเอกปิยะวัฒก์ ย้อนเล่าให้ฟังถึงคดีแชร์น้ำมัน "แม่ชม้อย" ที่เกิดขึ้นราว 30 กว่าปีที่แล้วว่า สถานการณ์เศรษฐกิจตอนนั้น กับตอนนี้แทบไม่ต่างกันเลย ซึ่งเป็นช่วงเศรษฐกิจ "ขาลง" ราคาน้ำมันถีบตัวแพงอย่างไม่เคยเห็นมาก่อน ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคราคาสูง เงินเฟ้อสูง จะต่างกันแค่ช่วงนั้นเกิดภาวะขาดแคลนน้ำมัน ทำให้เป็นช่องทางให้ "แม่ชม้อยและพวก" คิดสูตรรวยทางลัดตั้งวงแชร์เก็งกำไรราคาน้ำมัน หรือในช่วงวิกฤตต้มยำกุ้งเป็นอีกครั้งที่แชร์ลูกโซ่พันธุ์ใหม่ๆ เกิดขึ้นอย่างหนาตา ไม่ว่าจะเป็น แชร์นากหญ้า แชร์เอ็มแอลเอ็ม หรือแม้กระทั่งแชร์สินค้าอุปโภคบริโภคที่มีในทุกภาค
มาเร็ว ไปเร็ว เคลมเร็ว ปรากฏการณ์แพร่พันธุ์ลูกโซ่นี้ พันเอกปิยะวัฒก์ อธิบายว่า เกิดจากแม่ข่าย ที่ไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็นบรรดา "ลูกหม้อ" ของบริษัทแชร์ลูกโซ่ที่แตกหน่อออกมาสร้างโซ่สายใหม่ เพราะเห็นว่า หาเงินง่ายดี แต่ที่น่าสังเกตคือ วงแชร์ลูกโซ่ช่วงหลังๆ วงแชร์จะสั้นลง เปิดเร็วปิดเร็ว "การดำเนินการแค่ 1-3 เดือน ก็ปิดบริษัท เป็นการเปิดสั้นๆ เท่านั้นเอง เรียกว่าตั้งขึ้นมาเพื่อหลอกลวงโดยเฉพาะ ซึ่งเป็นพวกที่แตกตัวมาจากแม่ทีมขายตรง แล้วเสนอการขาย เสนอผลตอบแทนที่เร็วกว่า อย่างแชร์ข้าวสารที่เกิดขึ้นในกรุงเทพรอบการจ่ายผลตอบแทน 30 วัน 60 วัน แต่พอไปแตกตัวไปก็ร่นเวลาจ่ายผลตอบแทนเป็น 20 วัน" เป็นการใช้จำนวนผลประโยชน์ตอบแทนมาเป็นตัวล่อใจ
โลกบนเน็ตจริงหรือหลอก ความพลิกแพลงของแชร์ลูกโซ่ยังพัฒนาการตามโลก อินเทอร์เน็ตจึงถูกนำมาใช้เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้วงแชร์ ซึ่งในช่วงหลังเริ่มมีมากขึ้นทั้งรูปแบบของแชร์น้ำมัน การลงทุนในเงินตราต่างประเทศ "ถ้าเราเข้าไปในเว็บของโคโรนี อินเวสท์เราจะพบว่ามีตารางการลงทุนแสดงให้เห็นผลที่เราลงทุนไป ทำให้น่าเชื่อถือมากขึ้น"
นอกจากตารางการลงทุนแล้วภายในเว็บไซต์เหล่านี้จะมีคำแนะนำการลงทุนให้สามารถศึกษาได้ด้วยตัวเองอย่างเป็นขั้นเป็นตอน โดยเหยื่อที่ต้องการลงทุนจะได้รับพาสเวิร์ดสำหรับการเข้าเช็คข้อมูลได้ทุกวัน โดยการลงทุนต้องลงทุนขั้นต่ำ 3 แสนบาทขั้นต่ำ ซึ่งจะได้รับผลตอบแทน "ทุกวัน" หากนักลงทุนสามารถหาสมาชิกเพิ่มจะได้รับค่าตอบแทนอีกทางหนึ่งด้วย
"เงินระดับแสน คนก็จะหลงเชื่อ แต่พอครบ 100 วัน ครอบรอบการลงทุนจะเอาเงินออกจากระบบก็ออกไม่ได้ ถึงจะรู้ว่าถูกหลอก"
แต่ก็มีเหยื่อหลายรายที่ถูกหลอกซ้ำแล้วซ้ำอีก หลังจากที่ขาดทุนเหยื่อจะได้รับการติดต่อจากแก๊งมิจฉาชีพ.. "จะมีการติดต่อกลับมาว่าถ้าไม่อยากให้เงินที่ลงไว้ตอนแรกสูญให้นำเงินก้อนใหม่มารักษาสภาพเงิน 3 แสนที่ลงไว้ แล้วรอบหน้าถ้าได้จะคืนทั้งต้นทั้งดอก" บางรายยังถูกข่มขู่กลายๆ ว่าถ้าไม่นำเงินมาลงอีกหรือผิดสัญญาจะถูกฟ้องกลับฐานผิดสัญญา หรือแม้แต่สัญญาว่าไม่สามารถเอาผิดบริษัทได้ แสนเสียดายเงินแสนที่ลงไปแล้ว แล้วก็ทำท่าจะหายวับไป จึงจำใจลงเงินอีกก้อนหวังจะเอาคืนแบบคูณสอง ...แต่แล้วทั้งเงินเก่า เงินใหม่ ก็เข้ากระเป๋าแก๊งต้มตุ๋นไปหมด
พันเอกปิยะวัฒก์ บอกว่า ปัจจุบันการใช้รูปแบบการใช้หลอกลวงเงิน ระดมทุนผ่านอินเทอร์เน็ต เพราะไม่ต้องจดทะเบียนตั้งบริษัท ไม่ต้องลงทุนทำออฟฟิศ แค่เช่าพื้นที่เว็บไซต์แล้วพัฒนาเว็บให้ดูน่าเชื่อถือ โดยทำหลายภาษาให้เลือก ล่าสุดที่พบ ได้แก่ แชร์น้ำมัน แชร์ทองคำ ที่เริ่มมีให้เห็นมากขึ้นตามความผันผวนของราคาน้ำมัน และทองคำ ที่ทำให้หลายคนหลงเชื่อว่า ราคาสวิงแบบนี้จะทำ "กำไร" ได้
ลงทุนไม้กฤษณา จริงหรือหลอก? นอกจากแชร์น้ำมัน ทองคำ ที่เป็นดีเอสไอกำลังดำเนินคดีอยู่ การลงทุนในสวนกฤษณา ไม้หอมที่กำลังแพร่หลายเมื่อปีที่ผ่านมาก็กำลังถูกดีเอสไอจับตาว่าจะเข้าข่ายแชร์ลูกโซ่หรือไม่ "รูปแบบน่ากังขา ซึ่งเรากังตรวจสอบอยู่ว่าการใช้ยาเข้าไปทำปฏิกิริยาหากไม่ได้ผลตามกล่าวอ้างก็อาจจะเป็นการฉ้อโกง หรือหลอกลวงประชาชนได้"
ซึ่งขณะนี้ดีเอสไอได้ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อตรวจสอบแผนการตลาด รวมทั้งการเพาะปลูกว่าได้ผลตามกล่าวอ้างจริงหรือไม่ หรือเป็นแค่ "กล" คิดขึ้น ซึ่งพันเอกปิยะวัฒก์ ยอมรับว่า ยังไม่ถึงเวลาที่จ่ายผลตอบแทนที่ระบุตามสัญญา จึงยังไม่สามารถดำเนินการใดใดได้มากนัก
คนมีสีมีเอี่ยว งานหนักดีเอสไอ สิ่งที่น่าวิตกของคดีแชร์ลูกโซ่ พันเอกปิยะวัฒก์ ระบุว่า เมื่อใดก็ตามที่ผู้เสียหายยังได้รับผลประโยชน์ตอบแทนก็จะยังไม่ร้องทุกข์กล่าวโทษ แต่เมื่อบริษัทปิดตัวหนีไป ผู้เสียหายจึงค่อยมาแจ้งความ "หมายความว่าช้าไปแล้ว เราไม่สามารถติดตามเงินคืนให้ได้ แต่ถ้าเค้ารู้ตัวแล้วมาแจ้งเราก็ยังมีโอกาสตามจับยึดอายัดทรัพย์ไว้คืนให้ประชาชนได้" ที่แย่ยิ่งกว่า คือ ช่วงหลังเริ่มเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าไปร่วมขบวนการ หรืออยู่เบื้องหลังการกระทำความผิด ทำให้ยากต่อการสืบสวนสอบสวนเหมือนกัน ซึ่งต้องใช้เวลาและพยานหลักฐานที่มั่นคงจึงจะขอยื่นคำร้องต่อศาลขอหมายค้นจึงจะจับกุมได้
"คดีไทยมาร์ท ไทยเน็ตเวิร์ก รวมทั้งแชร์น้ำมัน เราพบว่ามีอุปสรรคพอสมควรกับการทำงาน อาจจะเป็นเพราะเค้าใช้เลือกเป้าหมายการลงทุนสูง โดยดูราคาน้ำมัน ทองคำที่มาชักชวน แล้วมาเลือกกลุ่มเป้าหมาย และ กำหนดแผนการลงทุนที่ค่อนข้างสูง ซึ่งกำหนดเงินลงทุนขั้นต่ำ 1 แสนบาท แต่ต้องลงทุนอย่างต่ำ 3 แสนบาทเป็นอย่างน้อย ซึ่งต้องเป็นคนมีรายได้ดีพอสมควร มีฐานะทางสังคมดีพอสมควร ซึ่งการมีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้องทำให้ยากต่อการทำงาน"
เพื่อตัดไฟแต่ต้นลม แทนที่ต้องวิ่งตามจับผู้กระทำผิดทั่วประเทศ พันเอกปิยะวัฒก์ จึงพยายามป่าวร้องให้ประชาชนตื่นตัว และไม่ให้หลงตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ โดยใช้สมมติฐานว่า ประชาชนไม่รู้ เพื่อประชาสัมพันธ์บอกกล่าวให้ทั่วถึง เพื่อตัดโซ่ให้ขาดอย่างรวดเร็วก่อนมีเหยื่อสูญเสียทรัพย์ไปมากกว่านี้ "เรามีการแจ้งเตือนประชาชนผ่านทั้งเว็บไซต์ ประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งขยายไปในวิทยุชุมชน เพื่อเตือนภัยให้ถึงระดับหมู่บ้าน ถือเป็นการทำงานเชิงรุกในปีนี้"
สังเกตง่ายๆ นี่แหล่ะ "แชร์ลูกโซ่" สำหรับวิธีง่ายๆ ที่จะดูว่าแชร์ลูกโซ่ หรือการเงินนอกระบบ พันเอกปิยะวัฒก์ ให้ข้อสังเกตง่ายๆ ว่า
1 มีการชักชวนมาลงทุนแล้วจ่ายผลตอบแทนสูง ในระยะเวลาอันสั้น โดยมากมักล่อใจกันในระดับ 10% เศษๆ หรืออาจจะถึง 20% ต่อปีเลยทีเดียว ถือเป็นผลตอบแทน "เกินจริง" ซึ่งไม่มีทางที่เศรษฐกิจช่วงขาลงจะสามารถได้ผลตอบแทนได้สูงขนาดนี้ได้ง่าย
2. ไม่เน้นการขาย "สินค้า" แต่เน้นการบอกต่อหา "สมาชิก" ใหม่ๆ ให้ได้มากๆ แล้วได้รับค่าหาสมาชิก (อาจมาในรูปที่ว่า สามารถฝากขายสินค้าได้ เพื่อรับเปอร์เซ็นต์ส่วนต่างไป หรือหากสินค้าขายไม่ได้ให้ดาวน์ไลน์ หรือสมาชิกใหม่รับช่วงสินค้านั้นไปเลย)
3. ค่าสมัครสมาชิกแรกเข้า หรือค่าสินค้า "แพงเกินจริง" และบางครั้งมีลักษณะ "บังคับขาย" สินค้า
4. การลงทุนช่วงแรกมักจะได้รับผลตอบแทน แต่เมื่อผ่านไปได้ไม่นาน จะได้รับผลตอบแทนไม่สม่ำเสมอ บางครั้งมีการล่อหลอกให้ลงทุนเพิ่มเพื่อรักษาเงินลงทุนเก่าไว้ ถ้าไม่ชัวร์ว่า การลงทุนนั้นเข้าข่ายหรือไม่พันเอกปิยะวัฒก์ แนะนำให้ตรวจสอบกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หรือดีเอสไอ โดยสังเกตจากประเภทการลงทุนให้ถูกต้อง เช่น
ขายตรง ที่มีแผนการตลาดซับซ้อน สามารถตรวจสอบกับ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ ส.ค.บ. http://www.ocpb.go.th/
สินค้าเกี่ยวข้องกับ "ดัชนี" ราคาหุ้น น้ำมัน ทองคำ ตรวจสอบ ชี้เบาะแสได้ที่เว็บไซต์ก.ล.ต. หรือเข้าตรงได้ที่ลิงก์นี้ http://www.sec.or.th/
สินค้าราคาเกษตรล่วงหน้า ตรวจสอบที่ สำนักงานคณะกรรมการกำกับการซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้า หรือผ่าน เว็บไซต์ http://www.aftc.or.th/
แต่ถ้าไม่แน่ใจว่าเข้าข่ายประเภทไหนสามารถตรวจสอบ และสอบถามได้ที่ ดีเอสไอ โดยตรง หรือ http://www.dsi.go.th/
|
|
ความคิดเห็นที่
9 |
|
som |
|
14 เมษายน 2009
05:44:46 |
|
|
IP :
203.107.204.33 |
|
อย่าปฏิเสธสิ่งที่คุณไม่รู้ เพราะคุณอาจปฎิเสธสิ่งที่คุณค้นหามาทั้งชีวิต
แจกฟรี..CD..เกิดกี่ชาติก็พลาดไม่ได้.....ค้นหาความต้องการในชีวิตที่แท้จริงของคุณที่นี่
โอกาสทองที่ท่านไม่ควรพลาด สิ่งที่น่าเสียใจที่สุด ที่ทุกคนจะพูดเมื่อโอกาสทองผ่านไปก็คือ " ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ฉันจะ ................" ไม่ว่าจะมีคุณหรือไม่มีคุณ ธุรกิจ Agel จะเป็นพันล้านเหรียญ ดังนั้นอย่าปล่อยให้โอกาสทางธุรกิจ Agel ผ่านไป โดยที่คุณไม่ได้ทำอะไรกับมันเลย
http://www.agel-thai.com
ธุรกิจเครือข่ายจาก USA มีสาขามากกว่า 54 ประเทศทั่วโลก โทร. 083-8515678 086-5465439 |
|
ความคิดเห็นที่
10 |
|
รักคนขายตรง(ใหน) |
|
14 เมษายน 2009
07:42:46 |
|
|
IP :
113.53.164.50 |
|
1.ดูประวัติบริษัท ว่าที่ตั้งที่ไหน ก่อตั้งมากี่ปี (ส่วนมากเห็นแต่โฆษณา บริษัทเปิดใหม่ น่ากลัวนะครับ เปิดใหม่ทุกวัน ดูท่าทางเสี่ยงนะคับ ส่วนมาก เห็นไม่เกิน 2 ปี ก็หายไป แล้วก็มีบริษัทเปิดใหม่ มาแรง แซงทางโค้ง) แล้วใครคือหุ้นส่วนที่สำคัญ บริษัทยักษ์ใหญ่เข้าร่วมได้หรือเปล่า หรือใครคือพันธมิตร
2. การรับรองมาตรฐาน ถ้าเป็นขายตรงก็จะต้อง มีหน่วยงานประเทศนั้นรับรองว่าถูกต้องตามกฏหมาย สามารถตรวจสอบได้
3. ความเป็นไปได้ของธุรกิจ อย่างที่พี่เค้าบอกว่า นอนอยู่เฉย ๆ มีรายได้ มีสายงานต่อให้อัตโนมัติ ว้าว..เข้าข่ายเอาเงินมาแชร์กันเลย หาคนมาลงหุ้น โดยไม่ต้องทำอะไร เชื่อสิ ไม่มีอะไรได้มาง่าย ๆ ถ้าได้มาง่าย ๆ อย่างนั้น ให้พึงระวังไว้เถอะ...ลองศึกษาดูดี ๆ ทำไมมันได้อย่างนั้น ถ้าเขาบอกว่า คุณต้องทำงาน อย่างจริงจัง ช่วยเหลือ Downline คุณถึงจะได้รับโบนัส โอเค อันนี้สัจธรรม เห็นแต่เอาเงินมาลงทุน 3-4 พันกัน ฮิตมากคับตอนนี้ แล้วรักษายอดทุก ๆ เดือน บางธุรกิจแฝงด้วยการขายอาหารเสริม ต้องทำการรักษายอด ถ้าเกิดว่าขายไม่ได้ก็ต้องซื้อกินเอง (อาหารหลักยังไม่มีรับประทานเลย จะให้รับประทานอาหารเสริม)
4. ธุรกิจออนไลน์ที่ไร้จรรยาบรรณ คือ ธุรกิจที่ทำการส่ง Spam เมล ที่คุณทุก ๆ คน รวมทั้งผมก็ได้รับ และลบกันแทบไม่ไหวในแต่ละวัน ซึ่งก่อให้เกิดความรำคราญไม่น้อย เพราะปัจจุบัน บริษัท และนักธุรกิจ ไร้จรรยาบรรณ เหล่านี้ (บางท่านอาจจะไม่รู้ ทำไมเพราะความไม่รู้ ได้รับการสอนจาก upline) โดยใช้โปรแกรมดูดอีเมล และส่งทีละ หมื่น ๆ ชื่อภายในครั้งเดียว ผมจะแจ้งให้ทราบ จะส่งสแปมอีเมล์ด้วยโปรแกรมหรือไม่ผ่านหน้าเวป คนที่รับถ้าเขาไม่พอใจที่ได้รับ พูดง่ายๆสร้างความลำคาญให้คนรับอีเมล์ แล้วคุณรู้งั้นหรือว่าอีเมล์ไหนอยากได้หรือไม่อยากได้ มีความผิดตามพระราชบัญญัติกฎหมายคอมพิวเตอร์ ไม่ต้องมาเชื่อก็ได้ อยากได้ยินเต็มสองหูโทรไปที่ศูนย์ตรวจสอบและวิเคราะห์การกระทำผิดคอมพิวเตอร์ 02-505-8898 ถามเขาดูว่าการส่งอีเมล์สร้างความรำคาญให้คนรับอีเมล์ โดยเขาไม่อยากได้มีความผิดหรือไม่ โทรไปถามซะนะครับ ไม่งั้นคนที่โทรอาจไม่ใช่คุณและไม่ใช่ถาม แต่ร้องเรียนแทน
5. คำว่า ธุรกิจ ออนไลน์จริง ๆ 100% ลองพิจารณาคำ ๆ นี้ดี ๆ ว่า 100% หรือเปล่า ถ้าแอบแฝงงานขาย (มันก็ไม่ใช่แล้ว ขายอาหารเสริม เครื่องสำอาง) นัดสัมภาษณ์ นัดอบรม นอกสถานที่ (มันก็ไม่ออนไลน์นะสิ) สรุปมันออนไลน์เฉพาะ โฆษณา อย่างเดียว บางบริษัทก็ไม่แจ้งให้ทราบก่อนว่าจะพา เราไปทำอะไร บอกแต่ให้มาสัมภาษณ์ก่อน อ้าว ถ้าพาเราไปทำไม่มีไม่ร้ายใครจะรับผิดชอบ ทำไมต้องทำการหมกเม็ด ไม่โปร่งใส (แบบนี้อย่าไปให้เสียเวลา)
ส่วนผมก็มีให้ พิจารณา 5 ข้อในเบื้องต้น ที่เราควรพิจารณาที่น่าจะเพียงพอในเบื้องต้น ถ้าคุณหาคำตอบ ให้ได้สัก 5 ข้ออย่างที่ผมกล่าวไปนั้น ผมคิดว่าคุณคงมีข้อมูลเพียงพอว่าควรจะทำหรือไม่ อย่าหลงแค่คำพูดที่ชวนเชื่อ ที่ทำให้เราเกิดกิเลส ความโลภ เพียงเท่านั้น
ผมไม่ได้โจมตี ธรุกิจ MLM นะครับ เพียงแต่อยากเสนอแง่มุมให้ทุกคนพิจารณาก่อนจะทำงานอะไรสักอย่าง และคุ้มค่ากับการเสียเวลา และเงิน กับมันไหม
บริษัทที่สอบผ่านทั้ง 5 ข้อนี้ก็มีอยู่จริงในประเทศไทย และยังคงอยู่ แต่เท่าที่ผมทราบคือ เขาอยู่แบบมั่นคงอย่างไม่หวือหวา ไม่ไปเร็วมา แซงทางโค้ง และตายคาโค้งนั้น และอีกอย่างคือ นักธุรกิจที่ไม่ประสบความสำเร็จคือ ไม่ใช้ความอดทน รวมทั้งอยากได้อะไรที่ลอยมาง่าย ๆ โดยไม่ต้องทำอะไร (ถึงเป็นเหยื่อของคำโฆษณาเหล่านั้นได้ง่าย) และไม่ได้พิจารณาอย่างถี่ถ้วน
ฝากไว้เป็นเกราะป้องกันตัวเอง รวมทั้งนักธุรกิจที่ทำอยู่สิ่งที่คุณทำ ไม่ว่าคุณจะทำอะไร ก็ต้องคำนึงถึงจรรยาบรรณ อย่าก่อความรำคราญให้ใคร มองคุณ และธรุกิจ ที่คุณทำอยู่เสียหาย ธุรกิจจะดีไม่ดี อยู่ที่ภาพลักษณ์ของนักธุรกิจ ด้วยนะครับ (ที่มา http://guru.google.co.th/guru/thread?tid=2c3bd10ecabfbaf8) |
|
ความคิดเห็นที่
11 |
|
ประทีป ชิณวงษ์ |
|
15 เมษายน 2009
17:55:50 |
chuchchin@hotmail.com |
|
IP :
222.123.244.76 |
|
ทุกชีวิต มีจุดเริ่มต้น
ก่อนจะเดินได้ เคยเดินไม่ได้มาก่อนใช่หรือไม่ ?
ก่อนจะขี่จักรยานเป็นเคยขี่ไม่เป็นมาก่อนใช่หรือไม่ ?
ก่อนจะมีทีมงานมากเคยไม่มีทีมงานมาก่อนใช่หรือไม่ ?
ทุกธุรกิจ มีทั้งคนที่ทำแล้วประสบความสำเร็จและล้มเหลว ( ย้ำ ! ทุกธุรกิจ )
ธุรกิจอื่นที่คนบางคนทำแล้วล้มเหลว ทำไมไม่ออกมาบอกว่า
เป็นเพราะความเลวของธุรกิจ
แต่ทำไม ธุรกิจ เครือข่าย ขายตรง ต้องถูกตอกย้ำว่า หลอกลวง
ทั้ง ๆ ที่ การทำธุรกิจแต่ละธุรกิจนั้น ๆ ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของผู้เข้าร่วมธุรกิจ
จริงอยู่ ในธุรกิจ นี้ มีคนเลว ๆ บางคน ที่จ้องฉกฉวย กอบโกย
ผลประโยชน์ เข้าตัวเอง โดยไม่คำนึง ว่า ใครจะเสียหายอย่างไร
แต่การที่จะมาบอกว่า "เมื่อดาวไลน์ขายของได้คนที่เป็นตัวหัวหน้าทีม
(เจ้าของดาวไลน์) ก็สบายไป(ทำนาบนหลังคน) "
มันไม่ยุติธรรมเลยกัคำกล่าวอ้างอย่างนี้ เพราะกว่าที่จะมาเป็นต้นสาย ก็ใช้ความพยายาม
ในการทำงานอย่างหนัก ทุ่มเทมากกว่าคนอื่น ๆ จึงมีทีมงานมากและขึ้นเป็นต้นสาย
ตามที่กล่าวมาข้างต้นว่า "งานทุกงาน มีทั้งผู้ที่ประสบความสำเร็จและล้มเหลวในงานนั้น ๆ"
นั่นเป็นเพราะงานไม่ดี หรือ คนไม่ดี ใครก็ได้ช่วยตอบด้วย
ดังนั้น งานเครือข่าย ขายตรง มันก็เป็นงานที่ต้องลงมือกระทำอย่างจริงจัง
ต้องทุ่มเทและต้องอาศัยความซื่อสัตย์สุจริตเหมือนกับงานอื่น ๆเหมือนกัน
คนทำงานเครือข่าย แล้วสำเร็จรำรวย ก็มีให้เห็นจำนวนมาก
บริษัทที่ดี ๆ ก็มีให้เห็นจำนวนมาก
แต่ที่เห็นล้มเหลวส่วนใหญ่นั้น ล้วนเกิดจากความโลภของผู้ทำธุรกิจเองทั้งนั้น
เช่น แชร์ข้าวสาร ,แชร์น้ำมัน ,แชร์รถยนต์ เป็นต้น
พูดกันตามตรง เมื่อความโลภมันบังตา ใครเตือนอย่างไร
ก็ไม่ฟัง แถมยังพาพวกกลับมาด่ากลับ อีก ว่า อย่า เสือ.....ก
สรุป ที่ล้มเหลว เป็นเพราะ " งานไม่ดี หรือ คนไม่ดี "
|
|
ความคิดเห็นที่
12 |
|
เสี่ยวเอ้อ |
|
16 เมษายน 2009
16:37:05 |
|
|
IP :
202.176.131.159 |
|
ค่ายไหนทำแบบ ไบนารี่ (จับคู่จ่าย) หลีกให้ไกลๆครับ ได้เงินมากแน่ หากเป็นต้นสาย แต่ธุรกิจไม่ยืนยาว ฝากผีฝากไข้ไม่ได้ ล่าสุด ท็อป ออฟ ไมด์ ก็ปรับแผนแล้วครับ พร้อมทั้งยอมรับว่า แบบไบนารี่ จ่ายไม่ไหว ขอเปลี่ยนแผนดีกว่า ก่อนที่จะล้ม เมื่อก่อนก็ โสมเกาหลีฯ อู้ฟู่มาก แต่อยู่ไม่เกิน 5 ปี จอด เพราะเงินค่าคอมฯที่แม่ทีมได้เป็นล้านนั้น ไม่ได้เกิดจากการซื้อสินค้าทั้งหมด แต่เกิดจากค่าสมัคร คู่ละ 500 คือ ซ้ายสมัคร 1คน ขวาสมัคร 1คน หรือ ซ้าย2000 บาทขวา2000บาท กินไป 4000 จ่ายคืนผู้แนะนำ 500 สินค้าไม่มีการซื้อซ้ำ ไม่มียอดต้องรักษาสภาพ ผมว่าหากคุณทำสิ่งต่อไปนี้ได้คุณก็น่าลองทำขายตรงดู 1.ซื้อสินค้า ที่แพงกว่าท้องตลาด 2.เข้าประชุม อบรม แต่งตัว เปลี่ยนคำพูดใหม่ 3.สละเวลา แห่งความสุขบ้าง เช่นกลับดึก ไปต่างจังหวัด 4.ดูแล สามี ลูก น้อยลง 5.กล้าทักคนที่ไม่รู้จักและชวนทำธุรกิจด้วยกัน 6.ทนรับคำปฏิเสธได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง 7.มีรายจ่ายเพิ่มขึ้นกับ ค่าโทรศัพท์ รถ กิน แต่งตัว 8.ต้องซื้อสินค้าที่เพิ่งรู้จักแล้วใช้ไปตลอด 9.บางครั้งต้องยอม เสียเพื่อน ญาติ เมื่อเขาระอากับการตื๊อ กัดไม่ปล่อย 10.ต้องฝืนธรรมชาติของตัวเอง เปลี่ยนวิถีชีวิตตัวเอง เพื่อ เงิน และเงิน และเงิน ธุรกิจนี้ นับถือกันที่ เงิน รถ บ้าน เครื่องประดับ หากคุณเพิ่งเริ่มแล้วอยากให้คนมานับถือ ก็ให้ท่องไว้ว่า เงิน รถ บ้าน เครื่องแต่งกาย
ส่วนใหญ่สู้ได้ครึ่งทางก็หันกลับ เพราะมันยากกว่างานอื่นๆ จริงอยู่มันให้ผลคุ้มค่าเมื่อสำเร็จ เงิน เกียรติยศ แต่งานอื่นที่ไม่ใช่ขายตรงก็คุ้มค่าได้เช่นกัน บางครั้งเราก็ต้องการแค่เงินเท่านั้นมาดำรงชีพ เกียรติยศอาจเป็นแค่ผลพลอยได้ คนที่ล้มเลิกอย่าไปค่อนแคะเขาว่าไม่สู้ ความอดทนน้อยเลยครับ เพราะเราไม่อาจทราบเหตุผลที่แท้จริงได้ บางครั้งเขาก็แค่ต้องการวันละ300-500เพื่อเลี้ยงชีวิตกับงานที่ทำก็มีความสุขแล้ว แต่ขายตรงไปยัดเยียดเงินตอบแทนและความสุขที่มากกว่าเดิมให้เขา |
|
ความคิดเห็นที่
13 |
|
เสี่ยวเอ้อ |
|
16 เมษายน 2009
16:39:05 |
|
|
IP :
202.176.131.159 |
|
แก้คำผิดครับ ท็อบ ออฟ ไมด์ เป็น วิน วิน เวิล์ดไวด์ จำผิดครับ |
|
ความคิดเห็นที่
14 |
|
เอก |
|
19 เมษายน 2009
17:12:01 |
|
|
IP :
58.147.47.195 |
|
http://classified.sanook.com/item/4815193
ธุรกิจร้อนแรงสุดๆ ลงทุนครั้งเดียว การันตีรายได้ให้100%
http://classified.sanook.com/item/4815193
http://primaleader.com/?id=yengza007 รายละเอียด
สนใจติดต่อ คุณ เอกชัย 085-8639206 Msn : yengza074@hotmail.com |
|
ขณะนี้เชียงรายโฟกัส ได้ย้ายไปใช้เว็บบอร์ดใหม่
ท่านสามารถเข้าไปใช้บริการได้ที่นี่ http://www.chiangraifocus.com/forums/index.php
|