|
สงสัย |
วันที่ |
08 พฤษภาคม 2009 |
เวลา |
14:03:05 |
|
IP |
118.174.203.27 |
|
|
|
ถามความรู้ธรรมะหน่อยค่ะ
|
ท่านผู้รู้เรื่องธรรมะได้โปรดช่วยตอบคำถามธรรมะให้หน่อยเถอะค่ะ สงสัยมานานไม่รู้จะไปถามใคร คือ..... ได้อ่านหนังสือธรรมะบอกว่า การที่เราทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ผู้ที่ถึงแก่กรรมไปแล้ว อ่านพบว่าผู้ที่ถึงแก่กรรมไปแล้วไม่ได้รับทั้งหมดทุกคน บางคนก็ได้รับบางคนก็ไม่ได้รับ เมือเป็นอย่างนี้อยากทราบว่า...... (1) ผู้ที่ถึงแก่กรรมไปแล้วที่มีโอกาสได้รับส่วนบุญส่วนกุศลที่ญาติทำบุญไปให้มีใครบ้างบ้างค๊ะ (2) และผู้ที่ไม่มีสิทธิ์รับส่วนบุญที่ญาติทำบุญอุทิศไปให้มีใครบ้าง เพราะเหตุไรค๊ะ
...สงสัยมานานไม่รู้จะถามใครที่ไหน จึงขอถือโอกาสถามในที่นี้ ขอท่านผู้รู้ได้ให้ความรู้เรื่องนี้ให้ด้วย..ขออนุโมทนาล่วงหน้ามากๆค่ะ....ขอบคุณค่ะ |
|
|
ความคิดเห็นที่
1 |
|
เสี่ยวเอ้อ |
|
09 พฤษภาคม 2009
18:16:33 |
|
|
IP :
202.176.146.177 |
|
เสี่ยวเอ้อ คือ ผู้รับใช้ ครับ มีอะไรที่ไม่เหลือบ่ากว่าแรงก็จะพยายามหามาให้ได้ครับ ที่จริง เวบนี้มีหลายคนมากเลยครับที่รู้จริง รู้ลึกกว่าผมเยอะแยะ เพียงแต่อาจยังไม่มีเวลาเข้ามาอ่านเข้ามาตอบ แต่ส่วนมาก เวบนี้ นามแฝงแต่ละคนจะเปลี่ยนบ่อย หรือไม่มีนามแฝง ก็เลยไม่คุ้นตา สำหรับผมใช้เสี่ยวเอ้อตลอดครับ ผมเคยอ่านคำคมหนึ่ง จากนักท่องเวบนี่แหละครับ บอกว่า ผู้ใดตั้งข้อสังเกต ปัญญาย่อมเกิดแก่ผู้นั้น การตั้งข้อสังเกตและตอบข้อสังเกต ประเด็นหลักไม่ได้อยู่ที่ถูกหรือผิด หากอยู่ที่เขาผู้นั้นได้เกิดปัญญาแล้ว ผมจึงอยากให้เวบนี้เป็นคลังสมองชาวเชียงรายครับ มีข้อสงสัยอะไรก็นึกถึงเวบนี้ แล้วก็ถามมา ผู้ที่รู้ก็จะช่วยกันตอบ ขอบคุณครับที่ชมจนตัวลอย ไม่ถึงขนาดนั้นครับ ไม่กล้ารับ |
|
ความคิดเห็นที่
2 |
|
สงสัย |
|
09 พฤษภาคม 2009
22:23:30 |
|
|
IP :
118.174.217.30 |
|
งั้นก็ถือโอกาสนี้ถามข้อที่สงสัยมานานอีกสักข้อน๊ะค๊ะ สงสัยมานานกับคำว่า "โอปปาติกะ" นั้นหมายถึงผู้ที่ตายแล้วไปเกิดเป็นโอปปาติกะทันที เท่าที่ทราบก็มีพวกเปรต อสุรกาย แล้วพวกที่ไปเกิดเป็นพวกพรหม เทวดา หรือมนุษย์จะเรียกว่าเป็นโอปปาติกะหรือไม่ค่ะ อยากรู้มากๆ และขอบคุณคุณเสี่ยวเอ้อล่วงหน้ามากๆค่ะ |
|
ความคิดเห็นที่
3 |
|
เสี่ยวเอ้อ |
|
10 พฤษภาคม 2009
10:42:35 |
|
|
IP :
202.176.126.29 |
|
ก่อนอื่นเลย จะบอกว่า นะคะ ไม่มี ไม้ตรีทั้งสองคำเลยนะครับ ลองถอดไม้ตรีออกแล้วอ่านอีกรอบนะว่า เสียงเหมือนเดิมมั้ย ถ้าเหมือนเดิมก็ไม้ต้องใส่มัน... ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ โอปาติกะ สรรพสัตว์ทั้งหลายจะมีลักษณะการเกิดที่แตกต่างกันไปตามกรรมของแต่ละพวกนะครับ เช่นบางพวกเกิดในไข่ ยกตัวอย่างนก ปลา เต่า เป็นต้น บางพวกเกิดในสิ่งสกปรก เช่นเชื้อโรคต่างๆ แบคทีเรีย บางพวกเกิดในครรภ์มารดา เช่น มนุษย์ ลิง หมี หมา แต่บางพวกผุดเกิดขึ้นเองโดยไม่มีพ่อแม่ และเกิดมาก็โตทันทีเป็นวัยหนุ่มวัยสาวโดยทันที ไม่มีสภาพของทารกมาก่อน ซึ่งลักษณะการเกิดแบบนี้เรียกว่าโอปาติกะ เช่นสัตว์นรก เปรต อสุรกาย เทวดา พรหม จะมีลักษณะการเกิดเหมือนกันคือผุดเกิดขึ้นเองโดยไม่มีพ่อแม่ และเกิดมาก็โตทันที อย่างสัตว์นรกนั้นเมื่อถูกทรมานห้ำหั่นจนตายแล้วก็จะผุดเกิดขึ้นมารับการทรมานอีกอยู่อย่างนั้นจนกว่าจะหมดเวรหมดกรรม ใครกรรมหนักก็นานหน่อย กรรมน้อยก็หมดไว สรุป โอปาติกะหมายถึงลักษณะของการเกิดแบบหนึ่ง สัตว์นรก เปรต เทวดา พรหม เกิดแบบ โอปาติกะ แต่มนุษย์ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว มนุษย์สมัยต้นกัปล์ เกิดแบบ โอปติกะ ครับ... |
|
ความคิดเห็นที่
4 |
|
เสี่ยวเอ้อ |
|
10 พฤษภาคม 2009
10:54:54 |
|
|
IP :
202.176.126.29 |
|
เพิ่มอีกนิดนะครับเห็น ประชาธิปัตย์เอาคำนี้ไปพูดบ่อยๆโดยไม่รู้ความหมายที่แท้จริง ฟังแล้วปวดใจโดยเฉพาะ นายเทพไท คำว่า สัมภเวสี ครับ มักโดนนักการเมืองหยิบคำนี้ไปใช้เสียดสีฝ่ายตรงข้ามว่าไม่มีหลักแหล่งที่แน่นอน ร่อนเร่ไปอยู่พรรคโน้นพรรคนี้ได้ตลอดใครให้เงินก็ไป... สัมภเวสี หมายถึงสรรพสัตว์ทั้งหมดเลยครับ ตั้งแต่สัตว์นรก มนุษย์ เทวดา พรหม ซึ่งยังต้องเวียนว่ายตายเกิดกันอยู่ ดังนั้นพระอรหันต์จึงไม่ใช่สัมภเวสี เพราะเมื่อดับกิเลสได้โดยสิ้นเชิงแล้วการเกิดใหม่ก็จะไม่มีอีกแล้วครับ สรุป สัมภเวสีหมายถึงสิ่งที่ยังต้องเวียนว่ายตายเกิดทั้งหมด ไม่ใช่วิญญาณๆหนึ่งเร่ร่อนหาที่เกิดไม่ได้ |
|
ความคิดเห็นที่
5 |
|
ปลาทูเค็ม |
|
11 พฤษภาคม 2009
13:21:06 |
|
|
IP :
202.149.24.161 |
|
ก็ถูกแล้วครับที่ใช้คำนั้น ก็เพราะพวกนี้เวียนว่ายตายเกิด ไม่มีทางดับกิเลสได้หรอก |
|
ขณะนี้เชียงรายโฟกัส ได้ย้ายไปใช้เว็บบอร์ดใหม่
ท่านสามารถเข้าไปใช้บริการได้ที่นี่ http://www.chiangraifocus.com/forums/index.php
|