|
ใหม่ |
วันที่ |
19 พฤษภาคม 2009 |
เวลา |
13:18:00 |
|
IP |
118.172.50.128 |
|
|
|
คนมะเก่าเปิ้นไปแอ่วสาวจะใด
|
ท่านใดเป๋นคนเก่า บางคนได้เมียหลายคนแปลกเหมือนกั๋น หน้าต๋าก็บ่ได้หล่ออะหยัง ได้เมียงาม หรือว่ามีกาถ๋าเด็ด มีวิธีก๋านไปแอ่วสาวจะใด ลองเอามาเล่าหื้อคนรุ่นใหม่ฟังหน่อยเน้อ |
|
|
ความคิดเห็นที่
1 |
|
เสี่ยวเอ้อ |
|
19 พฤษภาคม 2009
19:11:56 |
|
|
IP :
202.176.146.245 |
|
คนบะเก่าแต้ๆ จะมีป้อสื่อครับ อย่าง เปื้อนของแม่ยิงตี้เฮาฮักเมากา หละอ่อนพ่องกา บะคืนกะไปแอ่วจ้วยแก้ะหอม แก้ะถั่ว จ้วยไถนาพ่อง จ้วยหลกก้าบะดายๆ เต้าอี้ ป้อแม่สาวกะหู้แล่วว่า เสียร่ายนี้มาฮักเมาลูกสาวตั๋วเก่า แอ่วหมั่นเข้าๆ ป้อแม่สาวกะบอกคนเฒ่ามาขอเฮี๋ย มาหมั่นจาวบ้านจะเล่าหัว ปี่หนานกะ บะกิ๋นเข้ากิ๋นน้ำกะกำนิ ขะใจ๋บอกป้อแม่ไปขอ ส่วนมากจะ เอาอี่น่อยว่า ป้อแม่จะไดกะได้ ขอก่าข้าวม่ามน้ำนมซักน้อย.....เป๋นอันว่า สมใจ๋ปี้หนานแล่ว |
|
ความคิดเห็นที่
2 |
|
เจียงฮาย |
|
20 พฤษภาคม 2009
12:38:35 |
|
|
IP :
117.47.227.124 |
|
สมั๋ย จ้อยซอ ก่าเดินล่องกอง
สมั๋ยใหม่มาหน่อย ก่า ขี่รถถีบเฒ่า ดีดซึง แอ่วบ้านสาว
จ่วยสาว ไผคา แกะหอม ปิ๊กบ้านเดิก โดนบ่าวเจ้าถิ่น ไล่ตี๋ ล่นลงก๋างต่ง กล๋างนาปุ้น
(เกิดบ่ตัน คนบ่าเก่า เล่าฮื้อฟัง) |
|
ความคิดเห็นที่
3 |
|
เสี่ยวเอ้อ |
|
20 พฤษภาคม 2009
20:43:36 |
|
|
IP :
202.176.146.131 |
|
อู้ถึงเรื่องโดนเกิ้ดตี๋ โดนหมั่นขนาดครับ กั้บขี่รถถีบจอดอิงไว้ฮีมหั้วแล่วโดนป่อยยาง.... หมู่บ้านผมมันขี้นอกคับ บ่าวบ้านในเปิ้นจั้งเซ้ยหัว เวลาไปแอ่วสาวกะลักป่อยยางรถ... แต่กะม่วนดีเหมือนกั๋น ตะก่อนตี๋กั๋นกะหมัด เข่า ศอก บะเด่ว ใจ้ มีดกั้บปื๋น บะไค่สู้เต่าไดคับ.....นักเลงหายาก แต่อันธพาลมีเป่อเลอะเนาะบ่าเด่ว... แฮ่ๆ ส้ดนอกเรื่องไปน้อย... |
|
ความคิดเห็นที่
4 |
|
หน้อยขี้เหมี้ยง |
|
21 พฤษภาคม 2009
10:36:11 |
|
|
IP :
118.172.71.182 |
|
แต้หนาเนาะปี้เสี่ยวเอ้อ....หมู่บ้านใดมีสาวงาม...บ่าวบ้านนั้นตึงมักจะสวก..ขางสาว..ยะซับปะเพื่อแกล้งบ่าวต่างบ้าน...สมัยผมเป๋นบ่าว เกยโดนเกิ้งขี้ควาย โต๊ะ...ไข่เกี้ยดขนาด |
|
ความคิดเห็นที่
5 |
|
ขะโยมห่าง |
|
22 พฤษภาคม 2009
11:01:11 |
|
|
IP :
118.172.70.161 |
|
อันนี้ท่าจะแต้กาปี้หน้อยขี้เหมี้ยง มีอีกหมู่บ้านใกล้ๆ กับบ้านผม สาวก่าบ่างาม อันธพาลกะหลาย ใผขับรถก๋ายเป๋นโดนเกิ๊ดตี๋ ขนาดปาสาวบ้านผมไปแอ่วปอยบ้านนั้น พวกมันยังจอดรถตับตี๋นเลย ปาดโธ ทำโม หยังสวกแต้ว่า ขนาดมะฮู้จั๊กกั๋นหนา เวลามีปอยบ้านผม มันยังลงมาหาเรื่อง สวกขนาด จาดป้อมันเป๋นยักษ์กาว่าจะไดกะบ่ฮู (ขออภัยตี้มะได้เปิดเผยชื่อหมู่บ้านแต่ผมว่าในเจียงฮายหมู่บ้านแบบนี้กะมีหลายอยู่น่อ) |
|
ความคิดเห็นที่
6 |
|
ไค่ |
|
23 พฤษภาคม 2009
08:15:34 |
|
|
IP :
81.165.64.48 |
|
http://www.fm100cmu.com/fm100/100radio.php?id=1835 ฟังเอาเน้อปี่น้อง ว่าบ่าเก่าเปิ้นอู้สาวอู้บ่าวจะได เสียดายเนาะบ่าเดียวก่านิยมมันเปลี่ยนไปนักละ สมัยนี้ก่อมอกขอเบอร์เลยเนาะ 555
เรื่องความฮักของบ่าว-สาว ล้านนา
ชาวล้านนาสมัยก่อนจะแต่งงานอยู่กินกันได้นั้น จะต้องผ่านการเลือกคู่ครองของตนที่พึงพอใจกันเสียก่อน จะว่าไปแล้วหนุ่มสาวชาวล้านนาจะมีสิทธิในการเลือกคู่ครองของตนอย่างเป็นอิสระ ทั้งคู่หนุ่มสาวจะได้เรียนรู้นิสัยใจคอและคุณสมบัติของกันผ่านธรรมเนียม "การแอ่วสาว" ซึ่งเปิดโอกาสให้ชายหญิงได้พูดจาเกี้ยวพาราสีโต้ตอบกันผ่าน "คำอู้บ่าวอู้สาว" เป็นภาษาวรรณศิลป์แบบ "คำค่าวคำเครือ"
กำฮักกูปี้นี้ จักเก็บเอาไว้ในน้ำก่กลัวหนาว
เอาไว้พื้นอากาศกลางหาว ก่กลัวหมอกเหมยซอนดาว ลงมาแวดอุ้ม
เอาไว้กลางข่วงคุ้ม ก่กลัวเจ้ามาปะใส่แล้วหลู่เอาไป
จึ่งเก็บเอาไว้ในอกในใจ กูปี้นี้ เอาไว้หื้อมันอะฮิอะฮี้ ยามปี้นอนสะดุ้งตื่น เววา
แอ่วสาว
การแอ่วสาว เป็นเรื่องของพวกชายหนุ่ม จะไปแอ่วสาวต่างบ้าน อาจไปเดี่ยว ไปคู่ หรือไปกันเป็นกลุ่ม ระหว่างทางบ่าวหนุ่มจะดีด สี ตี เป่า เครื่องดนตรีพื้นเมืองกันไปตามเรื่อง มีการเล่น สะล้อ ซึง และขลุ่ย ประกอบการจ๊อยร่ำกันไป ดังว่า "ดึกมาซ้อยล้อย น้ำย้อยปลายตอง พี่เทียวล่องคลอง น้องหยังบ่เอิ้น" ดังที่แม่จันทร์สม สายธารา ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปพื้นบ้าน ปี 2539 ได้เล่าให้เราฟังถึงประเพณีว่ า"การแอ่วสาว" เป็นการเสนอตัวของฝ่ายชายเพื่อให้สาวเลือกเป็นคู่ครอง ขณะเดียวกันหญิงสาวก็จะพิจารณาเลือกชายหนุ่มที่จะมาเป็นคู่ครอง
สาวอยู่นอก
สาวโสดเริ่มแต่แรกรุ่นจะ"อยู่นอก" (อยู่บริเวณห้องโถงของบ้านในเวลากลางคืน และทำกิจกรรมต่างๆ ไปด้วย เช่น ทอผ้า เย็บปักถักร้อย หรือ ตำข้าว) รอชายหนุ่มมาพูดคุยด้วย สาวอาจอยู่นอกคนเดียวหรืออยู่กับเพื่อนบ้านใกล้เรือนเคียงกัน 2-3 คน เมื่อสาวอยู่นอก พ่อแม่ผู้หลักผู้ใหญ่จะเข้านอนแต่หัวค่ำอันเป็นการเปิดโอกาสให้แก่คนบ่าวคนสาวได้เกี้ยวพาราสีกัน แต่หากผู้ใหญ่ท่านใดไม่หลับก็จะเฝ้าฟังสังเกตุการณ์ลูกสาวอยู่ในห้องนอน อาจมีกระแอมไอบ้างเป็นบางครั้งบางครา โดยเลือกเวลาที่เหมาะที่ควร "คำอู้บ่าวอู้สาว" ที่หนุ่มสาวสนทนาโต้ตอบกัน จะเป็นข้อมูลสำหรับประเมินคุณสมบัติของหนุ่มผู้เสนอตัวเพื่อให้สาวเลือกเข้ามาเป็นเขยเรือนตนได้เป็นอย่างดี
อู้สาว
คนแต่ก่อนอายุ 12 ปี ก็เริ่มกินหมากกันแล้ว เรือนหนึ่งจึงจะะมีขันหมากสองประเภท คือ ขันหมากรวมสำหรับต้อนรับแขกทั่วไปทุกเพศวัย และขันหมากประจำตัวสาว การเริ่มอู้บ่าวอู้สาวเมื่อแรกพบกันจะต้องพูดผ่านขันหมาก เมื่อหนุ่มขึ้นเรือนจะขอเคี้ยวหมากหรือสาวชักชวนหนุ่มให้เคี้ยวหมาก ดังหนุ่มว่า "เตขันจา ถ้าพี่อ้ายเพิ่นมา ค่อยดาแถมใหม่ หื้อคนบ่ได้รากเลือดเสียก่อน" ฝ่ายสาวอาจตอบว่า "เคี้ยวเทอะ เคี้ยวเทอะ พูข้าบ่หอม บ่มีไผทอมเค้ามันบ่อ้วน" "การอู้สาว" ระหว่าง "อยู่นอก" แบ่งออกเป็นสองช่วงเวลา และ "คำอู้บ่าวอู้สาว" ของคู่สนทนาก็ปรับเปลี่ยนไปเองโดยธรรมชาติบนพื้นฐานของความสัมพันธ์ระหว่างกันที่เป็นจริง กล่าวคือ ช่วงหัวค่ำ(ระหว่าง 2 ทุ่ม ถึง 4 ทุ่ม) เป็นการแอ่วสาวทั่วไปเพื่อความสนุกสนาน สื่อภาษาที่ใช้จึงเป็น "คำค่าวคำเครือ" ต่อเมื่อตอนดึกหลังจากนั้นอาจล่วงเลยไปถึงใกล้รุ่ง คู่ที่สมัครใจอยู่อู้กันต่อในช่วงนี้ย่อมจะเป็น "ตัวพ่อตัวแม่" หรือ คู่หมายรู้ใจซึ่งกันดี ท่วงทีภาษาที่พูดจากันจึงออกมาอย่างสามัญเป็นกันเอง ลงลึกถึงการก่อร่างสร้างอนาคตเอากัน"เป็นผัวเป็นเมีย"
ผิดผี เสียผี
เส้นแบ่งความรักกับความใคร่ในที่ลับหูลับตาคนนั้น ชายบางคนอาจทนระงับความปรารถนาฝ่ายต่ำไม่ไหว การเกี้ยวพาราสีปล่อยไปไกลกว่าเส้นศีลธรรมอันดีงาม หากสาวอยู่นอกไม่มีใจก็จะขยับหนีไปจนติดธรณีประตูเรือนนอน หากชายยังไม่หยุดสาวก็จะข้ามเข้าไปหลบอยู่ด้านในเขตห้องเรือนนอน หนุ่มก็จะไม่กล้าล่วงล้ำเขตห่วงห้ามเข้าไป ชายใดล่วงละเมิดเข้าไปแม้เพียงถูกเนื้อต้องตัวจับมือถือแขน หากสาวเจ้าส่งเสียงร้องฟ้องพ่อแม่ให้ตื่นขึ้นมาเจรจาบอกชายนั้นว่าทำ "ผิดผีเรือน" แล้ว รุ่งเช้าพ่อแม่ฝ่ายหญิงจะรีบไปพบพ่อแม่ฝ่ายชายบอกกล่าวให้มา "เสียผี" "เลี้ยงผี" ผีปู่ย่าหรือผีเรือนตนเสียตามประเพณี หลังจากเสียผีเลี้ยงผีเรือนสาวผู้เสียหายแล้ว ทั้งคู่อาจตกลงปลงใจเป็นผัวเป็นเมียกันหรือไม่ก็ได้ ขึ้นอยู่กับความสมัครใจของทั้งสองฝ่าย ผีเรือน ผีปู่ย่า ผีปู่ย่า คือ ผีบรรพบุรุษ สืบสายกันมาทางฝ่ายหญิง ลูกหญิงจะรับสืบทอดมาจากแม่ของตน พวกลูกๆ ต้องไปไหว้ผีปู่ย่าที่เรือนแม่อันเป็นเรือนเดิม เมื่อแม่เรือนเดิมตายลง ลูกหญิงคนโตของเรือนนั้นจะรับเอาผีปู่ยาไปไว้ที่เรือนของตนสืบทอดกันต่อไป หากเรือนใดไม่มีลูกผู้หญิงรับสืบต่อผีปู่ย่าต่อไปอีก เรียกว่า "ผีสุด" ผีปู่ย่าเป็นผีดีมีแต่รักษาคุ้มครองคนในครัวเรือนให้อยู่รอดปลอดภัยจากอันตรายทั้งปวง จึงได้ชื่อว่า "ผีหอผีเฮือน"
หากคนในเรือนประพฤติผิดประเพณี เช่น การผิดผีเรือนของบ่าวสาว ต้องมีการเลี้ยงผีเรือนเพื่อให้ผู้เกี่ยวข้องในครอบครัวและชุมชนปรับกลับสู่ภาวะปกติคือความอยู่เย็นเป็นสุขร่วมกัน นอกจากการเลี้ยงผีเรือนกรณีผิดผีแล้ว การเลี้ยงผีเค้าหรือต้นผีจะจัดให้มีขึ้นปีละครั้งตรงกับวันขึ้นหรือแรมเก้าค่ำ เดือนเก้า(เหนือ) เพื่อลูกหลานที่มาชุมนุมกันจะได้บอกกล่าวแก่ผู้ปู่ย่าของตนว่า "...ตั้งแต่นี้ไปขอจงช่วยปกปักรักษา คุ้มครองข้าพเจ้าและลูกหลานทุกคนให้อยู่เย็นเป็นสุข มีอายุมั่นขวัญยืนด้วยเถิด เอาผัวเอาเมีย การผิดผีโดยสมัครใจของ "ตัวพ่อตัวแม่" (หนุ่มสาวที่ตกลงจะอยู่กินด้วยกัน) ฝ่ายสาวต้องบอกพ่อแม่ตนภายใน 3 วัน เพื่อให้ผู้ใหญ่ไปตกลงกับผู้ใหญ่ฝ่ายชาย โดยพูดอ้อมๆ ว่า "เมื่อคืนควายหงานบ้านนี้ ไปพังรั้วบ้านข้า จนพังเสียหาย ขอให้เจ้าของไปช่วยซ่อมแซมให้ด้วย" เมื่อฝ่ายชายจัดเครื่องเซ่นไปขอขมาและเลี้ยงผีที่เรือนฝ่ายหญิงแล้วจะบอกกล่าวว่า "ควายข้าได้มาพังรั้วเสียหาย วันนี้ข้าจึงได้มาล้อมรั้วให้ดีดังเดิม" ถ้าฝ่ายหญิงได้รับค่าเลี้ยงผีเป็นเงิน จะต้องใช้เงินทั้งหมดจัดการซื้อสิ่งของสำหรับเลี้ยงผี
แต่เดิมพิธีกินแขกแต่งงานไม่ได้ทำกันทุกคู่ไป ชาวบ้านสามัญชนทั่วไปหากตกลงกันได้ก็ไปหาอาจารย์วัดดูฤกษ์ยามกำหนดวัน "เอาผัวเอาเมีย" ถึงวันฤกษ์งามยามดีแล้ว ฝ่ายชายจะเอาเสื้อผ้าและของประจำตัวเท่าที่จำเป็นมี ดาบ มีด พร้า เป็นต้น ติดตัวไปสู่เรือนฝ่ายหญิง อาจมีญาติผู้ใหญ่หรือเพื่อนฝูงตามมาส่งเพียง 3-4 คน ตามความสะดวกใกล้ไกลของระยะทาง เมื่อมาอยู่เรือนฝ่ายหญิงแล้วฝ่ายลูกเขยจะต้องทำงานชดใช้พ่อแม่เรือนฝ่ายหญิงอย่างน้อย 3 ปี จึงจะออกไปตั้งเรือนเป็นของตนเองได้ กินแขกแต่งงาน ในรายที่ตกลงมีการกินแขกแต่งงานกัน และกำหนดวันเวลาแล้ว ฝ่ายชายจะพยายามเก็บออมเงินทองไว้ ฝ่ายหญิงจะเลี้ยงหมูเลี้ยงไก่ เตรียมจัดหาเครื่องนอน ถึงวันแต่งงานญาติและเพื่อนฝูงทั้งสองฝ่ายก็จะมาร่วมงาน ผู้ใหญ่ฝ่ายเจ้าสาวจะนำดอกไม้ธูปเทียนและของที่เป็นมงคลไปขอเจ้าบ่าวจากพ่อแม่ โดยกล่าวกับผู้ใหญ่ฝ่ายชายทำนองว่า "มาวันนี้ก็เพื่อจะมาขอเอาแก้วงามแสงดีไปไว้เป็นมงคลที่เรือนโน้น" ผู้ใหญ่ฝ่ายชายจะต้อนรับด้วยข้าวตอกดอกไม้และขันหมาก เมื่อชายไปสู่เรือนหญิงแล้ว จะมีการเซ่นไหว้บอกกล่าวผีเรือนให้รับสมาชิกใหม่ จากนั้นมีการผูกข้อมือบ่าวสาวแล้วจูงทั้งคู่เข้าหออยู่พอเป็นพิธี เสร็จแล้วนำเครืองเซ่นข้าวปลาอาหารมาเลี้ยงแขกได้กินกัน หลังจากชายย้ายเข้าไปอยู่ร่วมเรือนหญิงนานพอสมควรแล้ว ฝ่ายหญิงจะต้องไป "ไขว่ผี" จัดเตรียมเครื่องสิ่งของมีหมากพลูข้าวตอกดอกไม้ และไก่ต้ม 2 ตัว เอาไปเซ่นไหว้ผีที่เรือนฝ่ายชาย แล้วจะเอาไก่ต้มคืนมาตัวหนึ่ง เพื่อเลี้ยงคนในเรือนตน เชื่อว่าจะทำให้คนในผีเรือนทั้งสองสายได้คุ้นเคยกัน เมื่ออยู่เรือนพ่อแม่ฝ่ายเมีย ชายผู้เขยไม่นิ่งดูดายต้องทำงานในไร่นา เลี้ยงวัวควาย รวมทั้งงานขุดลอกเหมืองฝาย ตัดไม้ ผ่าฟืน ซ่อมแซ่มเครื่องใช้ไม้สอยและอาคารบ้านเรือน อันเป็นสมบัติของเรือนพ่อตาแม่ยาย ยามว่างจากงานส่วนรวมแล้วสองผัวเมียจึงจะหาช่องทางปลูกพืชไร่อายุสั้น เช่น ถั่วลิสง ถั่วเหลือง หอม กระเทียม ฯ เพื่อเก็บเกี่ยวผลผลิตขายเป็นรายได้สะสมไว้เป็นทุนส่วนตัวได้ พร้อมกันนั้นก็จะสะสมไม้เครื่องเรือนของตนไปด้วย หลังจากรับใช้พ่อแม่ของเมียครบ 3 ปีแล้ว จึงจะแยกออกมาปลูกเรือนของตนเองต่อไป . |
|
ความคิดเห็นที่
7 |
|
เสี่ยวเอ้อ |
|
23 พฤษภาคม 2009
18:30:40 |
|
|
IP :
202.176.130.253 |
|
กระทู้นี้นับเป๋น ข่วงผย๋า ที่ดีขนาดเลย คุณ ไค่ เมินๆ ออกหมัดเตื้อ แต่ เต๋มไปด้วย สาระมากมาย นับถือๆ ( * _/\_ * ) |
|
ขณะนี้เชียงรายโฟกัส ได้ย้ายไปใช้เว็บบอร์ดใหม่
ท่านสามารถเข้าไปใช้บริการได้ที่นี่ http://www.chiangraifocus.com/forums/index.php
|