ความคิดเห็นที่
3 |
|
s |
|
28 พฤษภาคม 2009
13:56:59 |
s@s.com |
|
IP :
118.172.67.201 |
|
อัดรัฐบาลแก้เศรษฐกิจล้มเหลว
นาย บุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ประธาน เครือสหพัฒน์ ผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภครายใหญ่ของประเทศ เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยไม่มีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นในช่วงปลายปีนี้และจะดิ่งลงสู่ก้นเหว เนื่องจากอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจในไตรมาสแรกติดลบสูงถึง 7.1% ประกอบกับแนวทางแก้ปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาลในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาไม่ถูกจุด ทำให้เอกชนต้องพึ่งพาตัวเอง โดยแนวทางที่ต้องการเสนอไปยังรัฐบาลและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คือ ดูแลค่าเงินบาทให้เคลื่อนไหวอยู่ที่ 40 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ เพื่อให้เอกชนไทยสามารถแข่งขันกับต่างประเทศได้ ซึ่งหากดูแลให้เงินบาทเคลื่อนไหวอ่อนลงมาได้ จะช่วยให้เศรษฐกิจไทยกลับมาฟื้นตัวได้ภายใน 6 เดือนข้างหน้า เพราะสัดส่วนอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจ (จีดีพี) ของประเทศมาจากการส่งออกถึง 70% ทั้งนี้ ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา การส่งออกของไทยเกิดความเสียหายมากจากค่าเงินที่แข็งค่าขึ้น จนไม่สามารถประเมินมูลค่าความเสียหายได้ และยังกระทบให้ช่องว่างระหว่างคนรวยและคนจนมีมากขึ้น เห็นได้จากคนจนในประเทศไทยมีจำนวนมากขึ้น ส่วนสถานการณ์ท่องเที่ยวไทยที่กำลังซบเซาลงอย่างหนักนั้น ปัญหาใหญ่ก็มาจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นมาถึงระดับ 32 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐจากที่เคยอยู่ที่ 42 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ทำให้นักท่องเที่ยวไม่เข้ามาในประเทศไทย
นอกจาก นี้ ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลที่จะกู้เงินจากต่างประเทศวงเงิน 400,000 ล้านบาท เนื่องจากจะส่งผลให้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น ประกอบกับในประเทศยังมีสภาพคล่องใน ระบบสูงอยู่สามารถที่จะกู้เงินในประเทศได้ และกู้เงินจากต่างประเทศจะยิ่งทำให้ประเทศยิ่งจนลง ถ้าเราไม่อยู่ในวงการค้าขายเราไม่รู้หรอก เอกชนค้าขายขาดทุนไปเท่าไร ตอนนี้เอกชนคงทำได้แต่ตัวใครตัวมันเท่านั้น ดังนั้นผลงานรัฐบาลในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมาเท่ากับขาดทุน รัฐบาลถังแตก นายบุณยสิทธิ์ กล่าวต่อว่า บริษัทได้รับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจและการเมืองมาก ทำให้ลูกค้าต่างชาติไม่เข้ามาร่วมลงทุนกับบริษัทใหม่แต่อย่างใด เห็นได้จากในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ไม่มีการเซ็นสัญญาโครงการลงทุนใหม่ ๆ และสถานการณ์ค่อนข้างน่าเป็นห่วงมากกว่าวิกฤติเศรษฐกิจปี 40 รวมทั้งในปีนี้ต้องชะลอการลงทุนใหม่ จึงคาดว่า ในสิ้นปีนี้เครือสหพัฒน์จะมียอดขายติดลบ 5% รวมทั้งมีผลกำไรที่ลดลงมากจากปีก่อน ที่มียอดขายทั้งเครือกว่า 100,000 ล้านบาท และในกรณีที่เลวร้ายสุดอาจมียอดขายติดลบ 10% นายไมเคิล ไฮส์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์อาวุโสของกลุ่มอลิอันซ์ บริษัท อยุธยา อลิอันซ์ ซี.พี. กล่าวว่า อลิอันซ์ประเมินว่า ไตรมาสที่ 2 ของปีนี้เป็นต้นไป เศรษฐกิจของไทยและของเอเชียน่าจะเริ่มฟื้นตัวไปพร้อม ๆ กัน ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก เนื่องจากมีสัญญาณที่ดีจากความเชื่อมั่นที่เริ่มกลับมาแล้ว โดยคาดว่าตัวเลขการเติบโตของภูมิภาคเอเชียในระดับต่ำที่ 2.7% และเอเชียไม่น่าจะต้องตกอยู่ในภาวะเศรษฐกิจตกต่ำนานนัก เพราะมีระบบธนาคารที่แข็งแกร่ง ทุนสำรองเงินตรามาก มีหนี้ต่างประเทศต่ำ และปี 53 จะเติบโตเป็น 5.6% หรือสองเท่าของปีนี้ ส่วนของประเทศไทย ปีนี้ จีดีพีจะติดลบที่ 3.5% เพราะไทยพึ่งพาการส่งออกอย่างมากถึง 75% ของจีดีพี อีกทั้งยังมีเหตุผลที่เกี่ยวกับการเมืองภายในประเทศ ที่นำมาสู่ความตกต่ำทางเศรษฐกิจ ทั้งนี้หากเศรษฐกิจไทยเริ่มฟื้นตัวได้ตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 เป็นต้นไป ในปี 53 จะเติบโตได้ 3% โดยนอกจากปัจจัยทางการเมือง ปัญหาราคาสินค้าสูง อาจทำให้ปัญหาเงินเฟ้อกลับมา และผู้บริโภคไม่มีกำลังจับจ่ายใช้สอย จนเศรษฐกิจก็ฟื้นตัวช้า และหากสถาบันการเงินล้มขึ้นมา จะมีผลทางจิตวิทยาทำให้ทุกอย่างชะงักได้.
เดลินิวส์ ............ 27/5/52 |
|