กระดานข่าวเชียงรายโฟกัส ดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย

 
Untitled Document
 
บอร์ดเชียงรายโฟกัส : พูดคุย แนะนำ ติชม ท่องเที่ยว กีฬา กิจกรรมต่างๆ ...ห้ามโพส!! เกี่ยวกับขายสินค้า MLM ลดความอ้วน ธุรกิจเครือข่ายทุกอย่าง โพสมาโดนลบทิ้งนะครับ
++ ข้อความที่ีท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน โปรดใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง ++

สมาชิกเข้าสู่ระบบ Username : Password : ลืมรหัสผ่าน
 ตั้งคำถามใหม่ | ตอบคำถาม | ผู้เข้าชม 534 ครั้ง  ตอบกระทู้ 13 คำตอบ

เสี่ยวเอ้อ
วันที่
06 มีนาคม 2009
เวลา
12:41:12
IP
202.176.130.187
   

กิจกรรมตอนเย็นๆของชาวเมืองเชียงราย

Photo by :: เสี่ยวเอ้อ

ออกกำลังกายกันเป็นแถว

 


ความคิดเห็นที่ 1
เสี่ยวเอ้อ
06 มีนาคม 2009
12:43:08
IP : 202.176.130.187
Photo by :: เสี่ยวเอ้อ

นี่ก็ใช่ แอโรบิกกัน โอ้ยยยย สนุกสนาน

ความคิดเห็นที่ 2
เสี่ยวเอ้อ
06 มีนาคม 2009
12:44:16
IP : 202.176.130.187
Photo by :: เสี่ยวเอ้อ

บ้างเล่นฟุตบอล มีหลายๆสนาม

ความคิดเห็นที่ 3
เสี่ยวเอ้อ
06 มีนาคม 2009
12:45:37
IP : 202.176.130.187
Photo by :: เสี่ยวเอ้อ

นี่หลบมาเล่นแบบส่วนตัว สนุกไปอีกแบบ

ความคิดเห็นที่ 4
เสี่ยวเอ้อ
06 มีนาคม 2009
12:50:44
IP : 202.176.130.187
Photo by :: เสี่ยวเอ้อ

เอ้า วิ่งๆๆๆ เพื่อสุขภาพ

ความคิดเห็นที่ 5
เสี่ยวเอ้อ
06 มีนาคม 2009
12:53:19
IP : 202.176.130.187
แม้ว่าช่วงนี้บ้านเราจะยังคงมีหมอกควันจากการเผาป่าอยู่พอสมควร แต่ชาวเชียงรายก็ยังคงมีกิจกรรมกันเหมือนเดิม.........

ความคิดเห็นที่ 6
เสี่ยวเอ้อ
06 มีนาคม 2009
12:55:08
IP : 202.176.130.187
Photo by :: เสี่ยวเอ้อ

ผลจากการใช้ทรัพยากรแบบก้าวกระโดด ทำให้น้ำแข็งละลายแบบก้าวกระโดดเช่นกัน

ความคิดเห็นที่ 7
-****-
06 มีนาคม 2009
22:34:36
IP : 118.174.161.91
ขอโทษที่ใช้เนื้อที่ตรงนี้ถามนอกเรื่องขออนุญาตก็แล้วกัน จะรบกวนขอความรู้จากเสี่ยวเอ้อที่เห็นเห็นเสี่ยวเอ้อตอบใน "คนสองภพ"(ถ้าจำไม่ผิด) ที่เสี่ยวเอ้อบอกว่าคนเราเมื่อตายไปแล้วจะไปเกิดหรือกำเนิด4แบบเรียกว่าโยนิ(อะไทนองนั้น..ถ้าเขียนผิดแก้ไขให้ด้วย) คือเกิดในครรภ์ เกิดในไข่ เกิดใน......(จำไม่ได้) และเกิดเป็นโอปาติกะนั้น(ขอโทษถ้าเขียนผิดอีกครั้ง)
เราสนใจและกำลังศึกษาธรรมะอยู่ และเคยได้ยินมาบ้างกับที่กำเนิด4แบบแต่จำไม่ได้และยังไม่เข้าใจ บังเอิญมาอ่านเจอของเสี่ยวเอ้อแล้วดูเหมือจะในคนสองภพนี่แหละถ้าจำไม่ผิด จึงคิดว่าเสี่ยวเอ้อมีความรู้เรื่องนี้ดีและเป็นคนมีความรู้เรื่องธรรมะดีคนหนึ่งแน่นอน จึงขอได้โปรดกรุณาจากเสี่ยวเอ้อได้ช่วยอธิบายเกี่ยวกับที่กำเนิดทั้ง4แห่งเป็นธรรมทานให้ด้วย อยากรู้จริงๆ ขอขอบคุณล่วงหน้าเป็นอย่างสูง (ขอโทษทุกท่านที่ใช้พื้นที่นี้นอกเรื่อง)

ความคิดเห็นที่ 8
เสี่ยวเอ้อ
07 มีนาคม 2009
14:10:55
IP : 202.176.131.231
งานเข้าแล้วมั้ยล่ะ ท่านชมเกินไปนะ....แต่ก็จะหามาให้อ่านกัน ผมเองก็แค่ธุลีหนึ่ง ที่ใฝ่ธรรมเช่นท่าน
////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
"พจนานุกรมพุทธศาสนํ" ฉบับ ประมวลศัพท์ ของ พระธรรมปิฎก (ป.อ. ปยุตฺโต) อยู่ในคำว่า "ภูตะ" หน้า 207 ท่านอธิบายไว้ว่า...

"สัมภเวสี" คือ สัตว์ผู้ยังแสวงหาที่เกิด ซึ่งได้แก่ปุถุชนและ พระเสขะผู้ยังแสวงหาภพที่เกิดอีก หรือสัตว์ในครรภ์และในไข่ที่ยังอยู่ระหว่างจะเกิด

และ หน้า 440

คำว่า "โอปปาติกะ" สัตว์ที่เกิดผุดขึ้น คือ เกิดผุดขึ้นมาเต็มตัวในทันใด ตายก็ไม่ต้องมีเชื้อหรือซากปรากฏ เช่น เทวดา และ สัตว์นรก เป็นต้น ; บาลีว่า รวมทั้งมนุษย์บางจำพวก

---------------------------------------------------------------------------------------

"สัมภเวสี" ที่ว่า คือพวกที่ต้องแสวงหาพ่อแม่หรือแสวงหาที่เกิดนั้นพวกเราที่เป็นปุถุชนก็เป็น "สัมภเวสี" ด้วยกันทั้งนั้นเพราะยังไม่นิพพาน ยังต้องเวียนว่ายตายเกิดหรือตายแล้วต้องเกิด หรือแสวงหาที่เกิดกันทุกคน..... แต่ที่บอกว่าเป็นวิญญาณที่เร่ร่อนยังหาที่เกิดไม่ได้นั้นและยังไม่เกิดนั้น ...ไม่ถูกต้องตามพระอภิธรรมครับ... เพราะในพระอภิธรรมบอกว่า เวลาสัตว์ที่อยู่ใน 31 ภพภูมินั้นกำลังตายนั้น "จุติจิต" คือจิตขณะที่กำลังตายจะเกิดขึ้น....และเกิดขึ้น"ขณะ"เดียวเท่านั้น.... "ปฏิสนธิจิต" ก็จะเกิดต่อทันทีไม่มีจิตดวงใดมาคั่น....และเมื่อเกิด "ปฏิสนธิจิต" แล้วก็คือเกิดในภพใหม่แล้ว...คือ "จุติจิต" เกิด "ปฏิสนธิจิต" ต้องเกิดต่อทันที....ยกเว้นพระอรหันต์ที่ไม่มี "ปฏิสนธิจิต" เกิด ต่อเพราะท่านไม่ต้องมาเกิดอีกแล้ว.......ดังนั้นที่บอกว่าตายแล้วยังไม่ไป เกิดนั้นไม่ถูกต้องครับ ส่วนที่บอกว่าเป็นวิญญาณหรือมีแต่วิญญาณเร่ร่อนนั้นก็ไม่ถูกอีกเพราะที่พูด ถึงกันนี้คือ กามภูมิ คือ อบายภูมิ 4 มนุษย์ 1 และ เทวดาอีก 6 กามภูมินี้เป็นภูมิที่มีขันธ์ 5 ครบ คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ไม่มีภูมิไหนที่ไม่มีรูปขันธ์ ดังนั้นที่บอกว่ามีแต่วิญญาณนั้นไม่ถูกต้องส่วนภูมิที่ไม่มีรูปขันธ์นั้นมี ครับคือ "อรูปภูมิ" เป็นภูมิที่มีแค่ 4 ขันธ์ คือเวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ (สังขารขันธ์นั้นพระองค์หมายถึง เจตสิก ที่ปรุงแต่งจิตครับซึ่งเป็นนาม ไม่ใช่รูป) ดังนั้นการที่บอกว่ามีแต่วิญญาณเร่ร่อนและยังไม่เกิดนั้นก็ไม่ถูกต้อง......ที่ถูกคือ (กามภูมิปุถุชน) ตายแล้วต้องเกิดทันทีไม่มีระหว่างคั่น.....คำว่า "สัมภเวสี" นั้นหมายถึงเราทุกคนที่เป็นปุถุชนที่ยังต้องเวียนว่ายตายเกิดกันอยู่.....ไม่ใช่ผีหรือวิญญาณเร่ร่อนอย่างที่เข้าใจกัน.

...ยังมีอีกคำหนึ่งที่พูดกันสับสน คือ " โอปปาติก" บางคนก็บอกว่าเป็นพวกเทวดาเป็นผีหรือเปรตหรืออสูรกายที่ไม่ใช่มนุษย์ ที่จริงตามนัยแห่ง พระอภิธรรมเป็นชื่อแห่งกำเนิด 4 คือ ที่ที่สัตว์จะอาศัยเกิด มี4 คือ

1) ชลาพุชกำเนิด คือพวกที่อาศัยเกิดในท้องมารดาแล้วคลอดมาเป็นตัวเลย

2) อัณฑชกำเนิด คือ พวกที่อาศัยท้องมารดาเหมือนกันแต่ออกมาเป็นฟองไข่ไม่ได้ออกมาเป็นตัว

3) สังเสทชกำเนิด คือ ไม่ได้อาศัยเกิดจากท้องมารดา แต่อาศัยเกิดจากต้นไม้ดอกไม้ โลหิต หรือที่เปียกชื้น เกิดมาก็เล็กเป็นทารก แล้วจึงค่อยๆเติบโตขึ้นมาเช่นนาง จิญจมานวิกา เกิดจากต้นมะขาม นางปทุมวดีเกิดจากดอกบัวและโอรสของนางปทุมวดีรวม 499 องค์ เกิดจากโลหิตเป็นต้น

4) โอปปาติกกำเนิด ไม่ได้อาศัยเกิดจากท้องมารดา ไม่ได้อาศัยสิ่งใดเกิด แต่เกิดโดยโผล่ขึ้นมา และโตใหญ่เต็มที่ในทันทีทันใดเลย สัตว์ที่เป็นโอปปาติกกำเนิดได้แก่

ก) มนุษย์ มีสมัยต้นกัปป์

ข) เทวดาทั้งหมด ๖ ชั้น (เว้นเทวดาชั้นต่ำ ที่เกิดได้ทั้งชลาพุช,อัณฑช,สังเสทชกำเนิด)

ค) พรหมทั้งหมด

ง) สัตว์เดรัจฉาน (ซึ่งมีกำเนิดได้ทั้ง 4 )

จ) เปรต (ซึ่งมีกำเนิดได้ทั้ง 4 ยกเว้น นิชฌามตัณหิกเปรต ที่มีโอปปาติกกำเนิดเพียงอย่างเดียว)

ฉ) อสูรกาย (ซึ่งมีกำเนิดได้ทั้ง 4)

ดังนั้นคำว่า "โอปปาติก" คือชื่อกำเนิด 1 ใน 4 กำเนิด ไม่ใช่พวก "อมนุษย์" เท่านั้น เพราะมนุษย์ ก็เกิดโดย "โอปปาติก" ได้ ในสมัยมนุษย์ต้นกัปป์

ความคิดเห็นที่ 9
เสี่ยวเอ้อ
07 มีนาคม 2009
14:20:11
IP : 202.176.131.231
มนุษย์ต้นกัปป์ หรืออาจจะเรียกได้ว่าต้นกำเนิดของมนุษย์ในแต่ละกัปป์ (กัปป์ = โลกเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และ เลื่อมสลายไป) ตามพระพุทธศาสนามาจากอาภัสสราพรหมครับ

คืออาภัสสราพรหมที่กำลังจะหมด บุญ นั้นลงมากินง้วนดิน (มีลักษณะเหมือนแผ่นน้ำนม ที่มีกลิ่นหอมมาก ถึงขนาดที่ยั่วยวนพรหมลงมากินได้) เนื่องจากง้วนดินเป็นของหยาบ เมื่อทานแล้วก็เกิดอวัยวะภายในขึ้น แล้วก็ไม่สามารถกลับไปยังชั้นพรหมได้ มนุษย์ยุคแรกนี้เกิดแบบโอปปาติกะครับ คือเกิดแล้วโตทันที เหมือนเทวดา มีอายุ 1 อสงไขยกัปป์ (ประมาณ 10 ยกกำลัง 140 ปีตามพระอรรถกถาจารย์)

เมื่อ กาลเวลาผ่านไป มนุษย์ที่ลงมาเกิด (จากชั้นอาภัสสราพรหม) พวกที่มีกรรมกาเม ก็เริ่มจะมี 2 เพศ และเกิดความดึงดูดสนใจในเพศตรงข้าม การเกิดแบบโอปปาติกะก็จึงหมดไป จึงต้องเกิดแบบชลาพุชะ คือเกิดในครรภ์มารดาครับ

ส่วนสัตว์นั้นถือกำเนิดเกิดขึ้นแบบเดียวกับ มนุษย์ครับ คือเกิดแบบโอปปาติกะก่อน แล้วจึงเกิดแบบชลาพุชะ หรือ อัณฑชะ (เกิดในฟองไข่) ในภายหลัง ดังนั้นคำถามที่ว่า ไก่กับไข่ อะไรเกิดก่อนกัน ตามพระพุทธศาสนาแล้ว ไก่จะต้องเกิดก่อนไข่ครับ

ส่วนคำถามอจินไตยนั้นมี 4 ประการคือ

- พุทธวิสัยของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ๑
- ฌานวิสัยของผู้ได้ฌาน ๑
- วิบากแห่งกรรม ๑
- ความคิดเรื่องโลก ๑

ดูกรภิกษุทั้งหลาย อจินไตย ๔ ประการนี้แล ไม่ควรคิด เมื่อบุคคลคิด พึงเป็นผู้มีส่วนแห่งความ
เป็นบ้า เดือดร้อน ฯ

สมเด็จ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านตรัสว่าไม่ควรคิดนะครับ แต่ท่านไม่ได้ตรัสห้ามการปฏิบัติเพื่อความรู้แจ้ง เพื่อไปรู้ไปเห็นเอง อนึ่งการไม่ควรคิดในที่นี้ก็คงจะเป็นในระดับของ "จินตมยปัญญา" ครับ แต่ "ภาวนามยปัญญา"

ความคิดเห็นที่ 10
เสี่ยวเอ้อ
07 มีนาคม 2009
14:23:44
IP : 202.176.131.231
เหนื่อย แฮ่กๆๆๆ
ให้ผู้ที่รู้มากกว่าผมเข้ามาให้ข้อมูลบ้างนะ

ความคิดเห็นที่ 11
-****-
07 มีนาคม 2009
22:10:52
IP : 118.174.192.193
ขออนุโมทนาครับ.... กราบขอบพระคุณเป็นอย่างสูง ถึงแม้ไม่เข้าใจคำศัพท์ทางพระก็ตาม แต่ก็ได้ความรู้มากๆเลย ขออนุโมทนาอีกครั้งครับ

ความคิดเห็นที่ 12
กกสัก
09 มีนาคม 2009
16:09:23
IP : 117.47.42.114
ใครมีภาพหลากหลายมุมของ สนามบินเก่า ทั้งยามเช้า ยามแลง
(เว้นยามค่ำ ราตรี ที่มีบางกลุ่มแอบมาทำ.......)
ช่วยลงมาให้คนกรุง คนตจว. ได้อิจฉากันหน่อยครับ
ผมเคยแนะนำไว้ที่ไหนไม่รู้ ว่า เชียงราย มี

" ลานกีฬาที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย "

แต่ไม่มีใคร หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ปิ๊งไอเดีย นำมาโหมโฆษณา
คนมาเที่ยว นอกจากพักโรงแรมแถวนั้นแล้ว
จุดนี้ เขาอาจออกมาจอย จ๊อกกิ้ง พบปะ พูดคุยกับเราชาวเชียงรายได้
ยามเช้า นักเที่ยวที่ไม่ใช่พวกย่ำราตรี ตื่นมาเดินมอนิ่งวอร์ก เป็นทางเลือกได้อีก
บ้านเรา ออกกำลังได้ทุกฤดูครับ ฝนหยุดก็ออกมาวิ่งได้
หน้าหนาว ยิ่งสดชื่น หน้าร้อน ก็ทนแดด และอากาศร้อนนิดๆ (ฝรั่งแทบถอดเสื้อวิ่งเลยล่ะ)

"ไป ไป เต๊อะ ไปแอ่ว จั่ง หวั๊ด เจียง ฮาย "
ข้าเจ้าเป็นหนุ่มเจียงฮาย บ่อเคยใจ๋ห้าย กับไผ๋สักเตื้อ.......
คนร้องเพลงนี้ เสียงแหบๆ คงไม่ได้ยินอีกแล้ว เอ๊ะ วกมาได้ไง

จบล่ะ ขอขอบคุณคนเจ้าของกระทู้ ที่เปิดประเดิน สนามบินเก่านี้ตวยเน้อ

ความคิดเห็นที่ 13
บีบี
10 มีนาคม 2009
10:16:14
IP : 117.47.43.196
เสียวเอ้อ เป็นคนที่พยายาม และอดทนมากในการที่จะอธิบาย เพื่อให้คนที่อยากทราบได้รู้และเข้าใจ คนเรามีชีวิตอยู่ทุกวันนี้เพื่ออะไร เราย้อนมองตัวเองมองให้ลึก นึกให้ดี ว่าเพื่ออะไร แล้วเราจะรู้คำตอบ เราเกิดมาเพื่อใช้กรรมเท่านั้น แค่นั้นจริงๆ อย่านึกถึงว่าเราทำกรรมอะไร นั่นคือลิขิต ให้นึกถึงปัจจุบันสิ ตอนนี้เราคือเรา อยากให้อนาคตดีเราต้องทำดี
ทำดีทำอย่างไร นี่ล่ะคือปัญหา มันยากในบางสภาวะ ผมก็เข้าใจ ทุกคนอยากทำดี เอาเป็นว่าทำดีให้มากที่สุดที่คิดว่าดี แล้วทุกอย่างก็จะดีเอง ไม่ต้องคิดอะไรมาก ทำดีเท่านั้นพอ ทำดีนะทุกคน

ขณะนี้เชียงรายโฟกัส ได้ย้ายไปใช้เว็บบอร์ดใหม่

ท่านสามารถเข้าไปใช้บริการได้ที่นี่ http://www.chiangraifocus.com/forums/index.php

 


"...ข้อความที่ีท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าผู้เสียหายหรือผู้ถูกพาดพิงพบเห็นข้อความใดๆ ที่พาดพิงถึงท่านจนได้รับความเสียหาย หรือข้อความที่ี่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม กรุณาแจ้งมาที่ เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบทันที ขอขอบพระคุณ.."
 

เชียงรายโฟกัส ดอทคอม ชุมชนออนไลน์ของคนเชียงราย by :http://www.ChiangraiFocus.com
ทุกความคิดเห็นสามารถส่งมาได้ที่ ChiangraiFocus@hotmail.com | หน้าแรกเว็บไซต์เชียงรายโฟกัส | หางานเชียงราย | ลงโฆษณากับเชียงรายโฟกัส