หากพูดถึงเรื่องของการท่องเที่ยว แน่นอนล่ะว่าทุกคนรักการเดินทางท่องเที่ยวและอยากไปเที่ยวบ่อย ๆ แต่ปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งที่ทำให้เราไม่สามารถทำได้อย่างที่ใจฝัน ก็คือ เรื่องของการเงิน เพราะการเดินทางในแต่ละครั้งไม่ว่าจะใกล้หรือไกล จำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมหาศาล นั่นจึงทำให้เรื่องท่องเที่ยวสำหรับคนส่วนใหญ่กลายเป็นเรื่องที่ต้องขบคิดอย่างหนักเลยทีเดียว ยิ่งในยุคที่เศรษฐกิจไม่ใคร่จะเฟื่องฟูอย่างในปัจจุบันด้วยแล้ว การท่องเที่ยวจึงถูกมองเป็นสิ่งฟุ่มเฟือยที่เหมาะสำหรับผู้มีอันจะกินเท่านั้น อย่างไรก็ดีวันนี้มัชรูมทราเวลมี 6 เทคนิค ที่จะช่วยให้นักเดินทางสามารถประหยัดรายจ่ายสำหรับการท่องเที่ยว ไม่ว่าจะในประเทศหรือต่างประเทศได้ง่าย ๆ ดังต่อไปนี้
1. ค้นหาข้อมูลก่อนออกเดินทาง
เมื่อคุณกำหนดจุดหมายปลายทางที่ต้องการได้แล้วสิ่งที่จะต้องทำต่อไป ก็คือ การศึกษาหาข้อมูล ซึ่งไม่ใช่แค่การหาข้อมูลของสถานที่ท่องเที่ยวว่าที่ไหนสวย ที่ไหนน่าไป หรือร้านอาหารร้านไหนอร่อยเท่านั้น แต่ควรหาข้อมูลเกี่ยวกับเอกสารที่จำเป็นต้องใช้ในกรณีท่องเที่ยวยังต่างประเทศด้วย ซึ่งหากต้องขอวีซ่าก็ต้องดูด้วยว่าระหว่างการขอผ่านตัวแทนกับยื่นสถานทูตด้วยตนเองนั้น อันไหนจะสะดวกและประหยัดมากกว่ากัน รวมไปถึงศึกษาแผนที่และเส้นทางแต่ละจุดอย่างละเอียด โดยอาจค้นหาด้วยตัวเองจากเว็บบอร์ดสาธารณะ อ่านจากหนังสือคู่มือการท่องเที่ยว หรืออาจจะปรึกษาบริษัททัวร์ก็ได้เช่นเดียวกัน ซึ่งนั่นก็เพื่อให้การท่องเที่ยวของคุณราบรื่น และยังสามารถวางแผนการใช้เงินให้คุ้มค่าได้อีกทางหนึ่งด้วย
2. ประเมินรายจ่ายที่จำเป็นต้องใช้สำหรับการท่องเที่ยวในแต่ละครั้ง
หลังจากได้ข้อมูลตามที่ต้องการแล้วขั้นตอนต่อไป ก็คือ วางแผนทางการเงินที่จะต้องใช้จ่ายตลอดทั้งทริป ซึ่งรวมถึงค่าตั๋วเครื่องบินและค่าโรงแรมที่พักด้วย โดยประเมินสิ่งจำเป็นที่ต้องจ่าย แล้วคำนวณค่าใช้จ่ายออกมากเป็นตัวเลขคร่าวๆ เช่น ค่าตั๋วเครื่องบิน ค่าที่พัก ค่าอาหาร ค่ายานพาหนะ ค่าบัตรเข้าชมการแสดงและกิจกรรมต่าง ๆ ค่าทิป ค่าของใช้ส่วนตัวเล็ก ๆ น้อย ๆ ค่าของฝากของที่ระลึก เป็นต้น จากนั้นเมื่อถึงเวลาของการเดินทาง ในระหว่างท่องเที่ยวควรจะติดสมุดบันทึกเล่มเล็กติดตัวไปด้วย เพื่อจดบันทึกสรุปค่าใช้จ่ายจริงในแต่ละวัน ซึ่งวิธีนี้จะช่วยให้คุณสามารถควบคุมการใช้เงินได้ง่ายยิ่งขึ้น
3. พิจารณาเลือกข้อเสนอที่ดีกว่า
ปัจจุบันธุรกิจทางด้านการท่องเที่ยวมีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว ซึ่งสิ่งที่ตามมา ก็คือ การแข่งขันทางการตลาดที่รุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องของราคาและโปรโมชั่นต่าง ๆ ทำให้ลูกค้าที่จะซื้อบริการเป็นผู้ได้เปรียบจากการแข่งขันนี้ และมีอำนาจในการต่อรองเพิ่มสูงขึ้นด้วย ดังนั้นก่อนที่นักท่องเที่ยวจะซื้อบริการหรือจองห้องพัก ฯลฯ ควรมีการตรวจสอบราคาจากหลาย ๆ แห่งก่อนเดินทางประมาณ 2-3 เดือน เพื่อเปรียบเทียบกันเสียก่อนตัดสินใจซื้อ ซึ่งข้อเสนอที่ดีกว่าอาจจะไม่ได้หมายถึงเฉพาะราคาที่ถูกกว่าเท่านั้น แต่ต้องมองถึงความคุ้มค่าที่จะได้รับด้วย เช่น โรงแรมบางแห่งอาจจะมีโปรโมชั่นจองห้องพัก 2 คืน ฟรี 1 คืน เป็นต้น
4. กำหนดช่วงเวลาและสถานที่ที่เหมาะสมสำหรับเงินในกระเป๋า
แม้ว่าช่วงไฮซีซั่นหรือช่วงลองวีคเอนจะเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการท่องเที่ยว แต่ก็เป็นช่วงเวลายอดนิยมที่ผู้คนมากมายเลือกที่จะท่องเที่ยวด้วยเช่นเดียวกัน ทำให้ราคาของสิ่งต่าง ๆ พุ่งสูงขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทั้งราคาตั๋วเครื่องบิน ที่พัก ค่าทัวร์สำหรับกิจกรรม และการเข้าชมสถานที่ต่าง ๆ หรือแม้กระทั่งอาหารการกินที่มีราคาแพงกว่าปกติเป็นเท่าตัว ดังนั้นหากหลีกเลี่ยงการท่องเที่ยวในช่วงไฮซีซั่นแล้วเลือกเดินทางไปในช่วงโลว์ซีซั่นนอกจากจะได้ราคาที่ถูกมาก ๆ แล้ว ก็ยังจะได้เห็นเสน่ห์ที่แตกต่างของสถานที่นั้น ๆ ซึ่งคนทั่วไปไม่มีโอกาสได้เห็นก็เป็นได้ อย่างไรก็ตามบางสถานที่อาจมีข้อยกเว้นสำหรับการเที่ยวในช่วงโลว์ซีซั่น อย่างเช่นหมู่เกาะต่าง ๆ ที่หากเป็นนอกฤดูกาลท่องเที่ยวจะเป็นช่วงมรสุม เป็นต้น
5. ระมัดระวังข้อเสนอที่ราคาถูกจนเหลือเชื่อ
แน่นอนหากพูดถึงของถูกและของฟรีใครกันล่ะจะไม่ชอบ แต่ในโลกแห่งความเป็นจริงของที่มีราคาถูกมาก ๆ นั้น เปอร์เซ็นต์ที่จะเป็นของดีมีคุณภาพอาจมีความเป็นไปได้ไม่ถึง 10% ด้วยซ้ำ อย่างการจองโรงแรมออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ต่าง ๆ ซึ่งโรงแรมบางแห่งอาจมีราคาที่ถูกอย่างน่าเหลือเชื่อเมื่อเทียบกับภาพถ่ายที่ถูกอัพโหลดมาเพื่อการโฆษณา จนดึงดูดให้เราต้องกดจองห้องพักอย่างว่องไว โดยไม่แม้แต่จะอ่านคอมเม้นท์รีวิวของลูกค้าที่เคยเข้าไปพัก ก่อนจะรู้ตัวทีหลังว่าภาพห้องพักสุดหรูที่เราเห็นบนเว็บไซต์นั้น แท้จริงคือภาพถ่ายเมื่อประมาณ 20-30 ปีที่แล้ว แต่สภาพปัจจุบันอาจจะแย่จนคุณต้องหิ้วกระเป๋ามองหาที่พักแห่งใหม่แทบจะทันทีก็เป็นได้ นอกจากนี้การหลงใหลกับราคาที่ถูกแสนถูกก็อาจจะทำให้คุณตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพบางประเภทโดยไม่รู้ตัว
6. ปฏิเสธการจ่ายที่เกินจริง
บางสถานที่ที่มีการรวมตัวของนักท่องเที่ยวมาก ๆ ที่นั่นก็ย่อมตกเป็นเป้าหมายของมิจฉาชีพที่แฝงตัวมาในคราบของผู้ให้บริการเช่นเดียวกัน อย่างสนามบิน สถานีรถไฟ รวมทั้งสถานีขนส่งที่จะมีรถรับจ้างคอยดักรอนักท่องเที่ยวอยู่มากมาย ซึ่งถ้าคุณโชคไม่ดีก็อาจเจอคนขับรถที่โก่งราคาเกินจริงหลายเท่า ทางที่ดีควรตรวจสอบเส้นทางและการเดินทางในแต่ละจุดเสียก่อน หรือหากมีข้อสงสัยควรสอบถามที่เคาน์เตอร์ Information เพื่อขอข้อมูลการเดินทาง รวมถึงรถรับจ้างบางคันอาจได้รับค่าหัวคิวจากร้านอาหารบางแห่งให้พาลูกค้าเข้าร้าน โดยคิดราคาค่าอาหารแพงกว่าปกติเพื่อหักเป็นค่าหัวคิว เป็นต้น
ท่องเที่ยว, ท่องเที่ยวแบบประหยัด
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจากมัชรูมทราเวล
|