เกียร์อัตโนมัติจะมีเกียร์สำหรับจอดอยู่ 2 ตำแหน่ง นั่นคือ P และ N ซึ่งแม้ว่าทั้งสองเกียร์นี้จะใช้สำหรับจอดรถเหมือนกัน แต่มีการทำงานต่างกันอย่างชัดเจน
ติดไฟแดง
ในกรณีนี้ หากเป็นการจอดไฟแดงเป็นระยะเวลาสั้นๆ อาจใช้วิธีเหยียบเบรกค้าง โดยไม่ต้องผลักมาตำแหน่งเกียร์ N วิธีนี้จะช่วยยืดอายุการใช้งานเกียร์ขึ้นได้อีกนิด เพราะไม่ต้องสลับเกียร์บ่อยๆ แต่หากรถติดหนักสาหัส ก็ให้ใส่เกียร์ N ควบคู่กับการดึงเบรกมือ จะได้ไม่ต้องเมื่อยขา แถมประหยัดน้ำมันได้ด้วย ส่วนการดึงเบรกมือก็เพื่อป้องกันรถไหลโดยไม่รู้ตัวนั่นเอง
หยุดริมถนนชั่วคราว
หากเป็นการหยุดรับ-ส่งคนชั่วคราว ก็ควรเข้าเกียร์ N แล้วเหยียบเบรกค้างไว้ เพราะหากใส่เกียร์ D แล้วเหยียบเบรกค้างไว้ ผู้ขับอาจเผลอปล่อยเบรกขณะหันตัวไปหยิบของ หรืออะไรก็ตามแต่ ทำให้เกิดอันตรายแก่ผู้ที่กำลังขึ้น-ลงรถได้
ลากรถ/ขึ้นเทรลเลอร์
หากเป็นรถขับเคลื่อนล้อหน้าที่จำเป็นต้องยกล้อหน้าขณะลากจูง ให้ใช้วิธีใส่เกียร์ P ไว้ เพื่อป้องกันรถไหลอีกชั้นหนึ่ง นอกเหนือจากตัวล็อกของรถลาก หากเป็นรถขับเคลื่อนล้อหลังที่ยกล้อหลังขึ้น ก็ให้ใช้วิธีใส่เกียร์ P พร้อมกับยกเบรกมือขึ้นด้วย ส่วนถ้าเป็นการยกรถขึ้นเทรลเลอร์ทั้งคัน ก็ให้ใส่เกียร์ P พร้อมกับยกเบรกมือขึ้นไว้เลย
จอดรถดับเครื่องยนต์
หากได้ที่จอดรถในซอง หรือในจุดที่ไม่จำเป็นต้องมีการเข็นรถ ก็ให้ใส่เกียร์ P ไว้ได้เลย แต่หากจอดรถซ้อนคัน ก็ให้ปลดเป็นเกียร์ N เสียก่อนที่จะลงจากรถ
|