พุทธศิลป์และงานสถาปัตยกรรมวัดแสงแก้วโพธิญาณ
พุทธศิลป์และศิลปะต่างๆ ที่อยู่ภายในวัดแสงแก้วโพธิญาณนั้นออกแบบสถาปัตยกรรม โดย พระครูบาอริยชาติ อริยจิตโต วัดแสงแก้วโพธิญาณซึ่งผสมผสานระหว่าง โลกธรรม แสดงออกถึงความเชื่อและวัฒนธรรมของชาวพุทธในดินแดนล้านนาอย่างชัดเจน แล้วยังมีการผสานงานศิลป์ 3 รูปแบบไว้ด้วยกันอย่างกลมกลืนคือ ศิลปะล้านนา ศิลปะไต (ไทยใหญ่) และศิลปะพม่า ซึ่งล้วนมีนัยที่สื่อความหมายในเชิงธรรมะและแฝงหลัก "พุทธธรรม" อันลึกซึ้งเอาไว้ แทบทุึกองค์ประกอบของวัด
ซึ่งการออกแบบวัดนี้พระครูบาอริยชาติ อริยจิตโต ท่านออกแบบเป็นชั้นๆ ชั้นแรกเมื่อเข้ามาจะเห็นรูปเหมือนแทนพระพุทธเจ้า 4 พระองค์ คือ พระกกุสันธพุทธเจ้า พระโกนาคมนพุทธเจ้า พระกัสสปพุทธเจ้า พระโคตมพุทธเจ้า มีสิงห์คู่ตัวใหญ่ ซึ่งครูบาเปรียบเทียบเป็นปริศนาธรรม เหมือนพ่อกับแม่ของพระศรีอริยเมตไตรยมานั่งรอพระศรีอริยเมตไตรยมาตรัสรู้แล้วมาโปรดโลกในภายหน้าเหมือนคนเราทั้งหลาย นั่งรอผู้มีบุญ ผู้มีบารมี ผู้ที่จะเป็นโพธิสัตว์ ผู้ที่จะมาโปรดคนให้พ้นจากทุกข์ในวัฏสงสาร ระหว่างเดินขึ้นไป ชั้นสองตรงบันไดจะมีนาค 3 หัว และจะมีตัวกินนาคอีก 3 ตัว ซึ่งเป็นปริศนาธรรม หมายถึง กาลเวลาย่อมกลืนกินสรรพสัตว์ทั้งหลาย แล้วยังหมายถึงว่า เหนือฟ้ายังมีฟ้า ความตามครอบงำคนเราทั้งหมดส่วนนาค 3 หัว ก็หมายถึง อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา และตัวกินนาค 3 ตัว หมายถึง ชรา พยาธิ มรณะ คือ เทวทูต 3 เพราะไม่สมถนะ ถ้าหากมีสมณะด้วยจะเป็น เทวทูต 4 แต่นี่ไม่รวมสมณะ ดังนั้นที่พระพุทธเจ้าเห็นจึงมี ชรา พยาธิ และมรณะ
เดินขึ้นมาถึงชั้นที่ 2 เป็นพุทธาวาสเป็นเขตของพระพุทธเจ้า เป็นที่ทำสังฆพิธีต่างๆ มีอุโบสถ วิหาร หอไตร มีปราสาท 16 หลัง แทนพรหม 16 ชั้น มีศาลา 16 ห้อง แทน 16 ชั้นฟ้า
ขึ้นมาถึงชั้นที่ 3 เป็นชั้นที่ตั้ง กุฏิ ของพระครูบาอริยชาติ และเป็นที่ตั้งขอพรจากท่านเทพทันใจ แม่นางกวัก แม่กระซิบ อีกทั้งยังเป็นที่ให้เช่าบูชา วัตถุมงคลต่างๆ ของทางวัด มีศาลาเอนกประสงค์ไว้สำหรับพักผ่อน กับบรรยากาศที่ร่มรื่น หอฉัน ห้องน้ำ ก็อยู่ในชั้นนี้ด้วย
ขึ้นต่อไปชั้นที่ 4 เป็นการจำลองเรื่องโลกและจักรวาลด้านหน้าของทางเ้ข้ามี เทพนพเคราะห์ 9 องค์ แทนด้วยวันทั้ง 9 มี อาทิตย์, จันทร์, อังคาร, พุธ, พฤหัสบดี, ศุกร์, เสาร์, ราหู, เกตุ, พระตรีมูรติแทนด้วย โลกทั้งสาม ก่อนเข้าวงเวียนเจอ ยักษ์หลับและยักษ์ตื่น แทนกลางคืนและกลางวัน อันนี้คือความหมายทางโลก แต่ถ้าเป็นความหมายทางธรรม จะหมายถึง พุธโธ คนเราทำอะไรให้มีสติ เช่น เวลาเราเจริญสติ จะมีพุทโธ ถ้ามีพุทอยู่ โธก็หาย ถ้าพุทหาย โธก็อยู่ คือให้เรามีสติอยู่ตลอดเวลา ตรงกลางแทนด้วยเขาสุเมรุ ข้างบนสุดบนเขาพระสุเมรุ ประดิษฐานพระศรีอริยเมตไตรย หมายถึง ผู้ที่มีบารมีเต็มเปี่ยม จะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า เหนือสิ่งอื่นใดในโลกมนุษย์ โลกสวรรค์ และโลกชั้นพรหมถัดจากพระศรีอริยเมตไตรยลงมา มีมหาเทพต่างๆ คือ พระพรหม พระนารายณ์ พระศิวะ พระอินทร์ ท้ายจตุโลกบาลทั้ง 4 เทพประจำทิศ
ทิพยาธรกินนร ยักษา ยักษี ฤาษี และสัตว์ป่าหิมพานต์ รอบๆ เข้าพระสุเมรุเป็นเทพ 12 ราศี แทนด้วย 12 นักษัตร รอบนอกเป็นสระน้ำพุแทนด้วย วัฏสงสาร หมายถึง การเวียนว่ายตายเกิด คนเราการจะข้ามพ้นวัฏสงสารได้ ต้องข้ามฝั่งมหาสมุทรก็คือ ห้วงวัฏสงสาร ถ้าพ้นก็จะถึงฝั่งคือ พระนิพพาน เขาพระสุเมรุมีน้ำ 3 สาย แทนห้วงน้ำพุทธมนต์แห่งพระรัตนตรัยผ่านโลกและจักรวาล ผ่านบารมี 3 ครูบา
สองข้างขนาบเขาพระสุเมรุ มีพระพิฆเนศเป็นตัวแทนเทวดาทั้ง 6 ชั้นฟ้า พระพรหมแทนด้วยสวรรค์ชั้นพรหม 16 ชั้นฟ้า และพรหมวิหารทั้ง 4 พระอวโลกิเตศวรกวนอิมปางพันมือ แทนพระโพธิสัตว์เจ้าทั้งหลาย และพระสีวลีแทนพระอรหันต์ทั้งหลาย
เมื่อพ้นจากเขาพระสุเมรุ ด้านหลังขึ้นบันไดไป เป็นรูปเหมือน ครูบาศรีวิชัย, ครูบาอภิชัยขาวปี, ครูบาชัยวงศาพัฒนา สามองค์นี้สื่อแทนพระรัตนตรียแต่สื่อออกมาเป็น พระอริยสงฆ์ เพราะว่าวัดนี้ใช้ชื่อว่า วัดแสงแก้วโพธิญาณ หมายถึง ผู้สร้างบารมี เปรียบพระครูบาศรีวิชัย เหมือนพระโพธิสัตว์ที่เกิดมาสร้างบารมี แล้วพระครูบา 3 ท่านนี้ ก็เปรียบเหมือนต้นแบบของนักบุญล้านนาที่นั่งอยู่ในใจคนล้านนามายาวนาน
บนอาคารครูบาศรีวิชัย ประกอบด้วยศาลา 2 หลัง คือ
1. ศาลาด้านเหนือ ศาลาบูรพาอาจารย์ หมายถึง คนเราจะมีศิลปะวิยาความรู้ ต้องมีครูบาอาจารย์ และต้องรู้คุณคนแห่งครูบาอาจารย์
2. ศาลาด้านใต้ ศาลาบูรพามหากษัตริย์ หมายถึง กว่าเราจะมีแผ่นดินอยู่อาศัยทุกวันนี้ เพราะพระปรีชาสามารถแห่งบูรพามหากษัตริย์ทั้งหลาย ควรสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ
ด้านใต้ฐานมีพระองค์ใหญ่ 3 องค์ คือ สมเด็จพระพุฒาจารย์โต แทนครูบาอาจารย์ภาคกลางหลวงปู่ทวด แทนครูบาอาจารย์ภาคใต้ หลวงปู่มั่น แทนครูบาอาจารย์ภาคอีสาน ด้านหลังพระครูบาศรีวิชัย มีพระพุทธรูปทรงเครื่องขนาดใหญ่ หน้าตักกว้าง 25 เมตร สูง 32 เมตร แทนด้วยพระนิพพานคือจุดหมายอันสูงสุดของพระพุทธศาสนา ก่อนขึ้นอาคาร ทั้งซ้ายและขวา มีมณฆป อยู่กลางสระน้ำ ซึ่งเป็นมณฆป เศรษฐีนวโกฏิ หมายถึง คนที่จะเป็นเศรษฐีต้องเป็นผู้เสียสละ ต้องรู้จักให้และอีกมณฆปคือ มณฆปพระอุปคุตขี่เต่า เปรียบเหมือนผู้รักษาศาสสถานให้เกิดความร่มเย็น
|