ระดับน้ำในลำน้ำโขงหลังสิ้นฝนได้ไม่กี่วัน กลับแห้งลงอย่างรวดเร็ว จนหาดทราย-โขดหินโผล่ตลอดแนวชายแดนด้านเชียงราย ล่าสุดแม้จะลึกประมาณ 1.8 เมตร และสามารถเดินเรือสินค้าได้อยู่ แต่มีสิทธิ์แห้งหนักกว่าต้นปี
รายงานข่าวจาก จ.เชียงราย แจ้งว่า นายประเสริฐ จิตพลีชีพ นายอำเภอเวียงแก่น ได้รับแจ้งจากประชาชนที่อาศัยอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโขงชายแดนไทย-สปป.ลาว ด้าน อ.เวียงแก่น ว่า สภาพของแม่น้ำโขงขณะนี้ลดระดับต่ำลงอย่างรวดเร็ว จึงได้นำคณะเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับกิจการชายแดนเดินทางไปสำรวจทั้งทางบกและทางเรือในแม่น้ำโขง ซึ่งก็ได้พบว่าในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมาแม่น้ำโขงได้แห้งลงอย่างรวดเร็ว จนทำให้เห็นโขดหิน เกาะแก่งรวมทั้งหาดทราย กว้างขึ้นจนสามารถลงไปเดินได้
นายประเสริฐ กล่าวว่า แม่น้ำโขงช่วงนี้แห้งเร็วมาก จนเห็นโขดหินและหาดทรายได้อย่างชัดเจน จึงเกรงว่าปัญหาแม่น้ำโขงแห้ง ที่เคยประสบกันมาเมื่อช่วงต้นปีจะมาถึงเร็วกว่าเดิม ซึ่งอาจจะเกิดจากความแห้งแล้งตามธรรมชาติหรือการกักเก็บน้ำจากเขื่อนที่จีนตอนใต้
ด้านนายชัยวิทย์ วรคุณพินิจ ผู้ช่วยนายด่านศุลกากรเชียงแสน กล่าวว่า ระดับน้ำในแม่น้ำโขงช่วงนี้ยังอยู่ที่ประมาณ 1.8 เมตร ซึ่งยังคงใช้เดินเรือสินค้าได้ดี และยังคงมีเรือสินค้าเข้าเทียบท่าเรือเชียงแสนเป็นประจำทุกวัน ทั้งขาออกและเข้า โดยเฉพาะจำพวกพืชผักที่มีการนำเข้ามากยังคงขนส่งมาเป็นประจำวันละประมาณ 1 เที่ยว
ดังนั้น ช่วงนี้จึงยังไม่น่าเป็นห่วงแต่อย่างใด ขณะเดียวกันสินค้าจำนวนหนึ่งยังถูกขนส่งทางถนนอาร์สามเอผ่านไทย-สปป.ลาว-จีนตอนใต้ ได้อีกด้วย ซึ่งเส้นทางนี้สามารถทดแทนทางเรือหากว่ามีปัญหาแม่น้ำตื้นจนเดินเรือไม่ได้เหมือนช่วงต้นปีที่ผ่านมา
รายงานข่าวจากด่านศุลกากรเชียงแสน ระบุว่าปีงบประมาณ 2551 ท่าเรือเชียงแสนมีการทำการค้ากับจีนตอนใต้ผ่านทางเรือในแม่น้ำโขงเป็นจำนวนมหาศาลโดยมีการนำเข้าเป็นมูลค่า 1,213.23 ล้านบาท ส่วนกับ สปป.ลาว มีมูลค่า 17.14 ล้านบาท และพม่ามูลค่า 2.16 ล้านบาท ส่วนปีงบประมาณ 2552 นำเข้าจากจีนตอนใต้มูลค่า 1,202.83 ล้านบาท สปปงลาว มูลค่า 27.54 ล้านบาท และปีงบประมาณ 2553 นำเข้าจากจีนตอนใต้มูลค่า 1,020.63 ล้านบาท สปป.ลาว 36.77 ล้านบาท
ส่วนสินค้าส่งออกปีงบประมาณ 2551 กับจีนตอนใต้มีมูลค่า 4,697.29 ล้านบาท สปป.ลาว มูลค่า 228.69 ล้านบาท และพม่ามูลค่า 1,499.14 ล้านบาท ปีงบประมาณ 2552 กับจีนตอนใต้มูลค่า 3,168.66 ล้านบาท สปป.ลาว มูลค่า 342.90 ล้านบาท และพม่ามูลค่า 1,570.49 ล้านบาท ส่วนปีงบประมาณ 2553 ส่งออกไปจีนตอนใต้มูลค่า 3,429.33 ล้านบาท สปป.ลาว มูลค่า 563.30 ล้านบาท และพม่ามูลค่า 1,637.57 ล้านบาท
สำหรับสินค้าที่มีการนำเข้าในปี 2553 มีมูลค่ารวม 1,057.39 ล้านบาท โดยสินค้า 5 อันดับแรกประกอบไปด้วยทับทิมสดมูลค่า 343.63 ล้านบาท ผักสด 94.45 ล้านบาท แอปเปิ้ลสด 88.19 ล้านบาท กระเทียมสด 47.86 ล้านบาท เมล็ดทานตะวัน 45.47 ล้านบาท ส่วนสินค้าส่งออกมีมูลค่ารวม 5ล630.20 ล้านบาท โดยสินค้า 5 อันดับแรกประกอบด้วยน้ำมันปาล์มมีมูลค่า 888.58 ล้านบาท รถยนต์ปรับสภาพ 609.15 ล้านบาท ยางแผ่นรมควัน 577.44 ล้านบาท เครื่องดื่มบำรุงกำลัง 370.93 ล้านบาท ชิ้นส่วนไก่แช่แข็ง 219.13 ล้านบาท |