ทูตจีนบุกดูน้ำโขงแห้งถึงที่-ยันเขื่อนน้ำโขงไม่เป็นปัญหา |
|
ประกาศเมื่อ
19 พฤศจิกายน 2010 เวลา 12:53:56 เปิดอ่าน
1323 ครั้ง |
|
|
ทูตจีน รุดดูน้ำโขงแห้งซ้ำ หลังหลายฝ่ายหวั่นเกิดวิกฤตเหมือนต้นปีที่ผ่านมา พร้อมยัน “เขื่อนจีน ไม่ใช่ตัวปัญหา” ย้ำจีน ร่วมมือแก้ไขเต็มที่
วันนี้ (18 พ.ย.) นายก่วนมู่ เอกอัครราชทูตประเทศจีนประจำประเทศไทย และนายจู้ เหมยหมิ่น กงสุลใหญ่ประเทศจีน ประจำ จ.เชียงใหม่ ได้เดินทางไปไปประชุมร่วมกับหน่วยงานราชการในพื้นที่ อ.เชียงแสน ณ สำนักงานท่าเรือเชียงแสนเกี่ยว โดยมีการหารือเกี่ยวกับความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจ วัฒนธรรม
รวมถึงสถานการณ์แม่น้ำโขง ที่เกิดวิกฤตแห้ง จนไม่สามารถใช้ในการเดินเรือได้ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา และในเดือน พ.ย.นี้เริ่มมีสัญญาณว่า ระดับน้ำจะเหือดแห้งลงอย่างรวดเร็ว เสี่ยงจะเกิดวิกฤติซ้ำอีกครั้ง เพราะเริ่มเห็นหาดทรายกลางแม่น้ำโขงโผล่ขึ้นเป็นจำนวนมาก แม้ว่าขณะนี้เรือสินค้าที่จอดเทียบท่าเรือเชียงแสน และบริเวณที่ด่านศุลกากรกำหนด ยังคงขนสินค้าขึ้นลงตามปกติ
นายก่วนมู่ กล่าวว่า นโยบายของประเทศจีน คือ การมีความสัมพันธ์กับทุกประเทศโดยรอบโดยเฉพาะจีนตะวันตกเฉียงใต้ ที่ต้องการมุ่งลงสู่ภาคใต้ เพื่อเชื่อมกับอาเซียน ด้วยเหตุนี้ที่ผ่านมาตนจึงพยายามเป็นส่วนหนึ่ง ในการผลักดันความสัมพันธ์และการค้าลุ่มแม่น้ำโขงตอนบนอย่างต่อเนื่อง กระทั่งปัจจุบันพบว่า มีความเจริญรุดหน้าไปอย่างรวดเร็ว โดยเกิดเมืองท่าหลายแห่ง มีการเดินเรืออย่างคึกคัก
อย่างไรก็ตาม พบว่าช่วงต้นปีที่ผ่านมากลับพบว่าระดับน้ำในแม่น้ำโขงเกิดวิกฤต ซึ่งถือเป็นวิกฤติที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และที่สำคัญคือ หลายฝ่ายต่างเพ่งเล็งไปที่ประเทศจีนว่าเป็นต้นเหตุ
นายก่วนมู่ กล่าวอีกว่า สาเหตุเพราะจีนตอนใต้มีการก่อสร้างเขื่อนเหนือน้ำเอาไว้หลายแห่ง และหลายฝ่ายกังวลว่า จะส่งผลกระทบต่อประเทศท้ายน้ำ แต่ตนยืนยันว่า ความจริงแล้วไม่ได้เป็นเช่นนั้น ซึ่งเรื่องนี้รัฐบาลจีนก็เคยอธิบายข้อเท็จจริงต่อสาธารณชนรวมทั้งประเทศท้ายน้ำ รัฐบาลไทย สื่อมวลชน ภาคเอกชน ฯลฯ ไปแล้ว ว่าการมีเขื่อนในจีนตอนใต้นั้นก็อาจจะส่งผลกระทบต่อระดับน้ำ แต่เป็นเพียงในระดับหนึ่งเท่านั้น และถือว่าไม่มาก เนื่องจากเขื่อนจีนออกแบบมาให้เป็นเขื่อนลักษณะกักน้ำครั้งเดียวในรอบปี เมื่อได้ปริมาณน้ำตามที่ต้องการก็จะปล่อยปริมาณน้ำทั้งหมดลงสู่ประเทศใต้น้ำตามปกติ
เอกอัครราชทูตประเทศจีน ประจำประเทศไทย กล่าวด้วยว่า อย่างไรก็ตามช่วงต้นปีนี้ ได้เกิดวิกฤติหลายด้าน ทั้งปัญหาความแห้งแล้งที่จีนตอนใต้ ซึ่งเกิดขึ้นครั้งแรกในรอบ 50 ปี ประชาชนที่มณฑลหยุนหนัน ได้รับความเดือดร้อนอย่างหนักบางเมืองไม่มีฝนตกติดต่อกันนานร่วม 200 วัน และมีเมืองที่ได้รับผลกระทบรวมกันกว่า 10 เมือง ขณะที่ปัญหาภัยแล้งเกิดขึ้นกระจายไปทั่วภูมิภาคทั้งจีนตอนใต้ เรื่อยมาจนถึงประเทศไทย ดังนั้น วิกฤตช่วงต้นปี จึงเกิดจากปัญหาภัยแล้งเป็นส่วนใหญ่
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลจีนก็แจ้งให้ทางเอกอัคราชทูตประจำประเทศไทย และกงสุลใหญ่ ให้ร่วมมือกับประเทศไทย ในการรองรับผลกระทบในอนาคตด้วย
ทั้งนี้ปัจจุบันประเทศจีนมีการเขื่อนในแม่น้ำโขง เขตมณฑลหยุนหนันหลายแห่ง ประกอบไปด้วย เขื่อนเสี่ยวหวานตั้งอยู่เหนือเขื่อนอื่นๆ มีความสูง 300 เมตร มีกำลังผลิตไฟฟ้า 4,200 เมกะวัตต์ และมีความจุอ่างน้ำกว่า 145,560 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยเริ่มกักเก็บน้ำตั้งแต่เดือน ต.ค.2552 ที่ผ่านมา นอกจากนี้มีเขื่อนมันวาน มีความสูง 126 เมตร มีกำลังผลิตไฟฟ้า 1,500 เมกะวัตต์ เขื่อนต้าเฉาซาน สูง 110 เมตร 1,350 เมกะวัตต์ และเขื่อนจิงหง มีความสูง 118 เมตร มีกำลังผลิตไฟฟ้า 1,500 เมกะวัตต์
นอกจากนี้มีโครงการจะสร้างอีก 4 เขื่อนได้แก่เขื่อนเขื่อนนัวจาตู้ มีความสูง 254 และมีกำลังผลิตไฟฟ้า 5,000 เมกะวัตต์โดยมีกำหนดสร้างให้แล้วเสร็จในปี 2563 เขื่อนกงกว่อเฉียว มีความสูง 130 เมตร กำลังผลิตไฟฟ้า 750 เมกะวัตต์ เขื่อนกันลันปา กำลังผลิตไฟฟ้า 150 เมกะวัตต์ และเขื่อนเมงซอง กำลังผลิตไฟฟ้า 600 เมกะวัตต์
สำหรับประเทศจีนมีเนื้อที่ลุ่มแม่น้ำโขงรวมกันประมาณ 162,760 ตารางกิโลเมตรคิดเป็น 21% ของลุ่มแม่น้ำโขงทั้งหมด ซึ่งไหลผ่านจีน พม่า ลาว ไทย กัมพูชา และเวียดนาม รวมกันประมาณ 775,740 ตารางกิโลเมตร โดยแม่น้ำโขงเฉพาะที่ผ่านมาประเทศจีนเรียกกันว่าแม่น้ำหลานชางมีความยาวประมาณ 2,130 กิโลเมตร จากความยาวของแม่น้ำทั้งหมด 4880 กิโลเมตร โดยส่วนใหญ่อยู่ในมณฑลหยุนหนัน
|
|
|
|
|
|
|