นายศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นส่งผลเสียหายแก่ทุกภาคส่วนในวงกว้าง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) มีความห่วงใยในความเดือดร้อนของผู้ประกอบการ และมีนโยบายที่จะให้การช่วยเหลือเพื่อบรรเทาปัญหาให้กับผู้ประกอบธุรกิจไทย และต่างด้าว จึงมอบหมายให้ตนในฐานะที่กำกับดูแลกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เร่งดำเนินการบรรเทาปัญหาให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจดังกล่าว โดยในระหว่างเกิดอุทกภัยได้กำหนดมาตรการผ่อนผันเพื่อลดภาระของภาคธุรกิจ ได้แก่ ผ่อนผันการแจ้งบัญชีหรือเอกสารประกอบการลงบัญชีที่สูญหายหรือเสียหาย ให้สามารถยื่นล่าช้าจากที่กฎหมายกำหนดได้ และสามารถใช้เป็นหลักฐานกรณีถูกเรียกตรวจสอบบัญ ชี ผ่อนผันการยื่นงบการเงินประจำปีของธุรกิจที่มีรอบปีบัญชีอยู่ในระหว่างเวลาที่เกิดอุทกภัย และผ่อนผันระยะเวลาการยื่นจดทะเบียนนิติบุคคลที่ต้องยื่นภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด ให้สามารถยื่นล่าช้าออกไปได้ ตามความจำเป็น รวมทั้งเปิดให้บริการจดทะเบียนแก่ผู้ประกอบธุรกิจซึ่งมีสำนักงานแห่งใหญ่ตั้งอยู่ในพื้นที่จังหวัด ที่ประสบอุทกภัย โดยสามารถยื่นขอจดทะเบียนธุรกิจได้ที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้า สนามบินน้ำ
นอกจากนี้ยังได้ออกมาตรการให้ความช่วยเหลือเพื่อฟื้นฟูธุรกิจหลังน้ำลด โดยส่งเสริมการสร้างอาชีพให้แก่ผู้ประสบอุทกภัย โดยขอความร่วมมือจากธุรกิจแฟรนไชส์ที่สามารถดำเนินธุรกิจได้ง่าย ใช้เงินลงทุนไม่สูงให้เปิดรับผู้ประสงค์จะเริ่มต้นธุรกิจด้วยการลดค่าธรรมเนียม ตลอดจนช่วยเหลือด้านการเงิน โดยขออนุมัติวงเงินสินเชื่อเพื่อเป็นเงินกู้ยืมเพื่อการลงทุนและเงินทุนหมุนเวียนในการฟื้นฟูปรับปรุงกิจการวงเงินสินเชื่อรวม 5,000 ล้านบาท ในอัตราดอกเบี้ยพิเศษ ขณะเดียวกันได้จัดงาน “มหกรรมฟื้นฟูผู้ประกอบธุรกิจที่ประสบอุทกภัย” ขึ้นระหว่างวันที่ 1-2 ธันวาคม 2554 ณ ศูนย์ฝึกอบรมพัฒนาธุรกิจการค้า ชั้น 6 โดยมีเป้าหมายช่วยเหลือผู้ประกอบธุรกิจรายย่อยที่ได้รับผลกระทบให้สามารถกลับมาดำเนินธุรกิจได้เป็นปกติโดยเร็ว ในงานดังกล่าวยังจัดให้มีบริการให้คำปรึกษาแนะนำ ในการซ่อมแซมที่อยู่ อาศัย เครื่องใช้ไฟฟ้า และรถยนต์อีกด้วย
“สำหรับการให้ความช่วยเหลือธุรกิจของคนต่างด้าว ท่านรองนายกและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้สั่งการให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้าปรับลดขั้นตอนการปฏิบัติงานและผ่อนผันการยื่นเอกสารหลักฐาน รวมทั้งเร่งรัดพิจารณาอนุญาตให้คนต่างด้าวประกอบธุรกิจตามมาตรา 17 ของพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 ให้เร็วกว่ากฎหมายกำหนด ซึ่งขณะนี้ คณะอนุกรรมการกลั่นกรองคำขอรับใบอนุญาตการประธุรกิจของคนต่างด้าว ได้พิจารณาอนุญาตให้ผู้ประกอบธุรกิจต่างด้าว 3-4 รายแล้ว รวมทั้งจะหารือร่วมกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยเพื่อรวบรวมรายชื่อคนต่างด้าวที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย และประสงค์จะขออนุญาตประกอบธุรกิจบริการให้กู้ยืมเงินและบริการรับค้ำประกันการกู้ยืมเงินเป็นการชั่วคราว ตามมาตรา 10 วรรค 1 เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบต่อไป” |