8 จว.เหนือทัศวิสัยต่ำ-4 จว.แค่ 1 กม. หมอกควันคลุมมิด-เครื่องเข้าแม่ฮ่องสอนดีเลย์ซ้ำ |
|
ประกาศเมื่อ
06 มีนาคม 2012 เวลา 13:30:59 เปิดอ่าน
1322 ครั้ง |
|
|
ปัญหาหมอกควันคลุมพื้นที่ทำทัศนวิสัย 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบนเลวร้าย 4 จังหวัดมองเห็นได้ระยะ 1 กม.เท่านั้น ขณะที่ไฟล์ทบินเข้าแม่ฮ่องสอนของกานต์แอร์เช้านี้ต้องดีเลย์ซ้ำ ส่วนนกแอร์เลื่อนไม่มีกำหนด ค่าฝุ่นละอองในอากาศทั้ง 8 จว.ยังเกินมาตรฐาน ด้านผู้ช่วย ผบ.ตร.สั่งตำรวจลำปาง ช่วยป้องกัน-รณรงค์ลดเผาป่าอีกทาง
จากผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศในพื้นที่ภาคเหนือวันนี้ (6 มี.ค.55) พบปริมาณฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 10 ไมครอน (PM10) เฉลี่ย 24 ชั่วโมง อยู่ระหว่าง 117.7-188.4 ไมโครกรัม/ลบ.ม. 8 จังหวัดภาคเหนือ ทั้ง จ.แพร่ เชียงราย พะเยา ลำปาง แม่ฮ่องสอน น่าน เชียงใหม่ และ จ.ลำพูน มีฝุ่นละอองสูงเกินมาตรฐาน 120 ไมโครกรัม/ลบ.ม.ทั้งสิ้น รวมถึงคุณภาพอากาศ (AQI) ก็อยู่ในระดับมีผลกระทบต่อสุขภาพ เกินมาตรฐานที่ 100 เช่นกัน
โดยที่ จ.เชียงใหม่ ผลการตรวจวัดระดับฝุ่นละอองรายชั่วโมง เมื่อ 11.00 น.วันนี้ พบว่ามีศาลากลางเชียงใหม่ วัดได้ 153.61 ไมโครกรัม/ลบ.ม. , โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย วัดได้ 130.39 ไมโครกรัม/ลบ.ม.
จ.ลำปาง พบว่าทั้งค่าฝุ่นละออง และคุณภาพอากาศเฉลี่ย 24 ชั่วโมง เกินมาตรฐานทุกสถานีเช่นกัน โดยที่ศาลหลักเมืองลำปาง วัดค่าฝุ่นละอองได้ 167.1 ไมโครกรัม/ลบ.ม. , สถานี รพ.สต.สบป้าด อ.แม่เมาะ วัดได้ 172.3 ไมโครกรัม/ลบ.ม. ,สถานี รพ.สต.ท่าสี อ.แม่เมาะ วัดได้ 174.8 ไมโครกรัม/ลบ.ม. และสถานีการประปาส่วนภูมิภาคแม่เมาะ วัดได้175.1 ไมโครกรัม/ลบ.ม.
อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่า ตลอดระยะเวลาที่เกิดปัญหาหมอกควันและไฟป่าในพื้นที่ จ.ลำปาง ค่าฝุ่นละอองที่วัดได้ และเผยแพร่ต่อสาธารณะชน ล้วนแต่เป็นข้อมูลจากสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศของกรมควบคุมมลพิษทั้งสิ้น ขณะที่สถานีตรวจวัดของโรงไฟฟ้าแม่เมาะ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ที่มีอยู่ 11 สถานี ไม่มีการเปิดเผยข้อมูลออกมาเท่าใดนัก
และที่ จ.เชียงรายวันนี้พบว่าค่าเฉลี่ยฝุ่นละออง 24 ชั่วโมง ลดระดับความรุนแรงลงมา หลังจากที่เคยพุ่งขึ้นสูงสุดกว่า 356 ไมโครกรัม/ลบ.ม. เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยลดลงมาอยู่ที่ 156.1 ไมโครกรัม/ลบ.ม.ในเขต อ.เมือง ส่วนที่ อ.แม่สาย วัดได้ 180.3 ไมโครกรัม/ลบ.ม.
ส่วนที่ จ.พะเยา สถานีอุทยานการเรียนรู้กว๊านพะเยา วัดค่าฝุ่นละอองได้ 175.1 ไมโครกรัม/ลบ.ม. , จ.ลำพูน สถานีสนามกีฬา อบจ.ลำพูน วัดได้ 125.7 ไมโครกรัม/ลบ.ม. และที่เมืองน่าน สถานีตรวจวัดเทศบาลเมืองน่าน วัดได้ 148.4 ไมโครกรัม/ลบ.ม.
ขณะที่ จ.แม่ฮ่องสอน จากการตรวจวัดที่สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดฯ พบว่า ค่าฝุ่นละออง อยู่ที่ 177.3 ไมโครกรัม/ลบ.ม.
และในวันนี้พบว่าพื้นที่ จ.แพร่ เป็นจังหวัดที่มีค่าฝุ่นละอองในอากาศสูงที่สุดใน 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน โดยที่สำนักงานอุตุนิยมวิทยาแพร่ วัดค่าได้ 188.4 ไมโครกรัม/ลบ.ม.
ซึ่งสถานการณ์หมอกควันไฟป่า ที่ยังคงปกคลุมพื้นที่ 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบนอยู่นั้น ทำให้ทัศนวิสัยในการมองเห็นอยู่ในระดับค่อนข้างต่ำทุกจังหวัด โดยอุตุนิยมวิทยา ระบุว่า ณ เวลาประมาณ 07.00 น.วันนี้ 8 จังหวัดภาคเหนือมีทัศนวิสัยอยู่ในระดับ 1-4 กม. โดยเฉพาะ จ.ลำพูน แม่ฮ่องสอน แพร่ และ จ.น่าน มีทัศวิสัยเพียง 1 กม.เท่านั้น
นางสาวศิริอร รังศิริตานนทร์ ผจก.ห้างหุ้มส่วนแม่ฮ่องสอน ที เอ็น ทัวร์ กล่าวว่า สถานการณ์ควันไฟในพื้นที่ จ.แม่ฮ่องสอน มีความรุนแรงมาก ทำให้นักท่องเที่ยวไม่เดินทางเข้ามาเที่ยว เพราะควันไฟป่าปกคลุมหายใจไม่สะดวก สายการบินกานต์แอร์ ที่ออกจากท่าอากาศยานเชียงใหม่ เวลา 08.25 น.กำหนดลงสนามบินแม่ฮ่องสอน 09.00 น.ไม่สามารถทำการบินได้ เนื่องจากควันไฟปกคลุมในพื้นที่ ต้องรอจนถึงเวลา 12.15 น. จึงบินได้ ส่วนสายการนกแอร์ เที่ยว 11.35 น. ต้องเลื่อนเวลาทำการบินออกไปอย่างไม่มีกำหนด
สำหรับความพยายามแก้ไขปัญหาของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนั้น จนถึงวันนี้ ก็ยังคงวนเวียนอยู่ที่การรณรงค์งดเผา ไถกลบตอซางข้าว-ข้าวโพด ฉีดละอองน้ำขึ้นฟ้า โดยนายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา เป็นประธานพิธีเปิดกิจกรรม “รณรงค์ไถกลบตอซังเพื่อลดโลกร้อน และลดหมอกควันจากการเผาในที่โล่ง” ที่บริเวณแปลงนาข้างโรงปุ๋ยอินทรีย์ชีวภาพบ้านสันกว๊าน ม.8 ต.บ้านตุ่น อ.เมือง จ.พะเยา
พร้อมทั้งขับรถไถรณรงค์ไถกลบตอซังข้าวด้วยตนเอง เพื่อเป็นการรณรงค์และส่งเสริมเกษตรงดเผาตอซังและฟางข้าว และหันมาไถกลบตอซังแทน และแจกจ่ายเมล็ดพันธุ์ปอเทือง ให้กับเกษตรกร ให้นำไปหว่านในนาข้าวเพื่อบำรุงดิน และยังได้ร่วมกับหัวหน้าส่วนราชการจังหวัด และประชาชน หว่านเมล็ดพันธุ์พืชบำรุงดินลงในแปลงนาด้วย
วันเดียวกันที่สถานีตำรวจภูธรจังหวัดลำปาง พล.ต.ท.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน ผู้ช่วย ผบ.ตร. ได้เดินทางมาตรวจราชการพร้อมมอบนโยบายให้กับข้าราชการตำรวจในสังกัด ภูธรจังหวัดลำปาง หน่วยงานตำรวจในพื้นที่ จว.ลำปาง และตัวแทนภาคประชาชน ร่วม 200 คน
โดยผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้เน้นย้ำกับข้าราชการตำรวจทุกนายว่า เนื่องจากในช่วงนี้ทางภาคเหนือกำลังประสบวิกฤติหมอกควัน ดังนั้นจึงได้เน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายได้ดูแลเรื่องการทำลายทรัพยากรธรรมชาติและป่าไม้ โดยให้เข้าไปมีส่วนร่วมในการป้องกัน ดูแลและช่วยรณรงค์ไม่ให้มีการเผาป่า เกิดขึ้นเพื่อช่วยลดมลพิษ ที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้
|
|
|
|
|
|
|