เมืองกว๊านฯ ฝนหยุด ไฟไหม้บ้านไม้สักวอดทันที-ส่วนเชียงรายเกิดไฟไหม้บ้านกลางฝน |
|
ประกาศเมื่อ
08 พฤษภาคม 2012 เวลา 17:22:54 เปิดอ่าน
1322 ครั้ง |
|
|
เมืองพะเยาฝนหยุดตก ไฟไหม้บ้านโผล่ ทำบ้านไม้สักหรูวอดทั้งหลังมูลค่ากว่า 1 ล้านบาท ส่วนที่เชียงราย กลับเกิดไฟไหม้บ้านกลางสายฝน
พ.ต.ท.พงษ์ศักดิ์ พิทักษ์เมธี สารวัตรเวร สภ.เมืองพะเยา รับแจ้งมีเหตุเพลิงไหม้บ้านเลขที่ 83 หมู่ บ้านหัวขัว ต.แม่ใส อ.เมืองพะเยา จ.พะเยา เย็นวันที่ 7 พฤษภาคม 55 ก่อนไปที่เกิดเหตุพร้อมด้วยรถดับเพลิงเทศบาลตำบลแม่ใส 1 คัน ที่เกิดเหตุเป็นบ้านไม้สัก 2 ชั้น ทรงทันสมัย ปลูกอยู่กลางทุ่งนา เพลิงได้โหมลุกไหม้บ้านทั้งหลังอย่างรวดเร็ว โดยมีไทยมุงมายืนดูเป็นจำนวนมากจนเป็นอุปสรรคแก่เจ้าหน้าที่ดับเพลิง
ในขณะเดียวกัน ชาวบ้านใกล้เคียงเกรงว่าไฟจะลุกลามไปติดบ้านข้างเคียง จึงได้ระดมกันนำถังและภาชนะที่พอตักน้ำได้มาช่วยกันตักน้ำจากสระกลางทุ่งนาสาดใส่กองเพลิงเนื่องจากรถดับเพลิงคันเดียวไม่สามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ ต่อมาได้มีรถดับเพลิงจากเทศบาลตำบลแม่นาเรือมาเสริมอีก 1คัน โดยเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมเพลิงไว้ได้โดยใช้เวลา 40 นาทีเพลิงจึงสงบ บ้านไม้สักทรงหรูทั้งหลังวอดเป็นเถ้าถ่าน มูลค่าความเสียหายประมาณ 1 ล้านบาทเศษ
จากการสอบสวนนายณรงค์ ยะนา อายุ 46 ปี เจ้าของบ้าน ซึ่งไปอยู่กลางทุ่งนา กลับมาพบบ้านไฟไหม้ถึงกับเป็นลม หลังจากได้สตินายณรงค์ให้การว่า บ้านหลังดังกล่าวอยู่ด้วยกัน 4 คน มีตนกับนางสายสมร ภรรยา และลูกชาย
นายณรงค์บอกว่า ก่อนเกิดเหตุเห็นว่าฝนที่ตกลงมาหลายวันได้หยุดตก ตนจึงแต่งตัวออกไปที่กลางทุ่งนา ขณะที่นางสายสมร ภรรยา ก็ออกมาดายหญ้าหน้าบ้าน โดยมีลูกชายสองคนดูทีวีอยู่ จู่ๆ ก็เกิดเสียงดังที่บนบ้านชั้น 2 พร้อมกับไฟลุกไหม้อย่างรวดเร็ว ลูกชายสองคนวิ่งหนีเอาตัวรอด ส่วนรถยนต์เพื่อนบ้านช่วยกันนำออกมาได้
“บ้านหลังนี้สร้างหมดไปเกือบ 2 ล้าน ตอนนี้เหลือแต่ซาก” นายณรงค์ กล่าวอย่างหมดอาลัยตายอยาก
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่าสาเหตุอาจเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร ซึ่งต้องให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานมาตรวจสอบหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป
วันเดียวกัน ที่จังหวัดเชียงรายกลับเกิดไฟไหม้บ้านกลางสายฝน โดย พ.ต.ท.สมชาย เด่นตี สารวัตรเวร สภ.เมือง จ.เชียงราย ได้รับแจ้งเหตุไฟไหม้บ้านเลขที่ 31 หมู่ 3 ต.ท่าสาย อ.เมือง จึงไปตรวจสอบพบเป็นบ้านไม้สองชั้นมีใต้ถุนสูง โดยเพลิงได้โหมลุกไหม้อย่างรุนแรงในบ้านทั้งหลังทั้งๆ ที่มีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง แต่เนื่องจากปริมาณฝนโปรยปรายจึงไม่สามารถยับยั้งเพลิงได้ ประกอบกับเป็นบ้านไม้จึงเป็นเชื้อไฟให้ลุกไหม้ ขณะที่ชาวบ้านและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรวมทั้งหน่วยกู้ภัยได้ระดมรถน้ำดับเพลิงจำนวน 5 คันพยายามฉีดน้ำเพื่อดับเพลิง
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากไฟได้โหมลุกไหม้อย่างหนักทำให้กว่าจะควบคุมเพลิงได้บ้านก็ถูกเผาไหม้จนเสียหายหมดทั้งหลัง ภายในมีทรัพย์สินเสียหายเป็นตัวบ้าน ของใช้ต่างๆ รถจักรยานยนต์ 2 คัน ตู้เย็น 2 เครื่อง โทรทัศน์ 2 เครื่อง สร้อยคอทองคำหนัก 2 บาท และคอมพิวเตอร์ 1 เครื่อง เครื่องมือช่าง ฯลฯ รวมมูลค่าความเสียหายของทรัพย์สินไม่น้อยกว่า 500,000 บาท แต่หากรวมตัวบ้านก็มีมูลค่ามหาศาล
สอบสวนทราบว่าบ้านหลังดังกล่าวเป็นของนายดวงเดช แก้ววงค์วาร อายุ 46 ปี อาชีพช่างเชื่อมโลหะ โดยขณะเกิดเหตุอาศัยอยู่บ้านเพียงลำพัง และช่วงกำลังปรุงอาหารในห้องครัวได้ยินเสียงดังเหมือนไฟช็อตบนชั้นสองและเกิดไฟลุกไหม้ที่สะพานไฟฟ้าก่อนจะเกิดไฟไหม้อย่างหนักดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงสันนิษฐานว่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจรจากสะพานไฟดังกล่าว |
|
|
|
|
|
|