รมต.จีนตรวจจุดเกิดเหตุปล้น-ฆ่าลูกเรือจีน 13 ศพกลางน้ำโขง ไทยส่งกำลังคุ้มกันเข้ม |
|
ประกาศเมื่อ
12 กรกฏาคม 2012 เวลา 15:43:53 เปิดอ่าน
1323 ครั้ง |
|
|
รัฐมนตรีประจำสภาประชาชนแห่งชาติจีนนำคณะลงพื้นที่ดูจุดเกิดเหตุกองกำลังติดอาวุธปล้น-ฆ่าลูกเรือจีน 13 ศพกลางน้ำโขง ท่ามกลางกำลังคุ้มกันของทางการแน่นหนา รับเป็นปัญหาที่ซับซ้อนทุกประเทศต้องร่วมกันปราบปราม ด้านรอง ผบ.ตร.ยันคดีคืบหน้าแล้ว 90% รอสอบปากคำ “จายหน่อคำ-เจ้าของเรือ” ร่วมกับจีน
วันนี้ (12 ก.ค.) คณะผู้นำระดับสูงจากประเทศจีน นำโดยนายหมิง เจียนซู รัฐมนตรีประจำสภาประชาชนแห่งชาติจีน ได้นำคณะเดินทางไปดูความคืบหน้าในคดีกองกำลังติดอาวุธได้ปล้นเรือสินค้าในแม่น้ำโขงสัญชาติจีน 2 ลำ คือ เรือ Hua Ping ที่เคยใช้บรรทุกกระเทียมและแอปเปิล และเรือ Yu Xing 8 Hao ซึ่งเคยใช้บรรทุกน้ำมันเชื้อเพลิง จนทำให้ลูกเรือจีนเสียชีวิต 13 ศพ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 5 ต.ค. 54 บริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขง บ้านสมปู ประเทศพม่า ห่างจากสามเหลี่ยมทองคำ อ.เชียงแสน ประมาณ 20 กิโลเมตร
โดยทาง พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต และ พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร., พล.ท.ชัยณรงค์ ธนารุณ แม่ทัพภาคที่ 3, พล.ต.สมศักดิ์ นิลบรรเจิดกุล ผู้บัญชาการกองกำลังผาเมือง, พล.ต.ท.สุเทพ เดชรักษา ผบช.ภ.ภาค 5 นำคณะเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงชายแดนไทย-สปป.ลาว-พม่า รวมทั้งศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดในแม่น้ำโขง (ศปปข.) ซึ่งทางการไทยตั้งเป็น ศปปข.ส่วนหน้าอยู่ที่ท่าเรือเชียงแสนตามข้อตกลงไทย-จีน ให้การต้อนรับ พร้อมพานายหมิง และคณะไปดูสถานที่พบเรือครั้งแรกที่ริมฝั่งบ้านสบรวก ม.1 ต.เวียง อ.เชียงแสน ก่อนจะไปดูสภาพเรือที่จอดเป็นหลักฐานของคดีที่ท่าเรือเชียงแสน และ ศปปข.ส่วนหน้าก่อนเดินทางกลับ
นายหมิง พร้อมคณะใช้เวลาในการดูสถานที่เกิดเหตุ และเรือสินค้านานร่วม 1-2 ชั่วโมงอย่างละเอียด โดยเฉพาะบนเรือ ซึ่งยังมีร่องรอยการถูกยิงและข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ อยู่ครบถ้วน รวมทั้งนายหมิงได้พยายามสอบถามรายละเอียด ดูจุดที่น่าสนใจหลายจุด โดยมีเจ้าหน้าที่ฝ่ายต่างๆ ทั้งตำรวจ ทหาร ตำรวจตระเวนชายแดน ตำรวจน้ำ หน่วยเรือรักษาความสงบในแม่น้ำโขง (นรข.) เขตเชียงราย ฯลฯ ให้การคุ้มกันอย่างเข้มงวด ขณะที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ก็ได้นำเฮลิคอปเตอร์คุ้มกันตลอดการเดินทางด้วย
นายหมิงกล่าวว่า สามเหลี่ยมทองคำเป็นแหล่งผลิตและกระจายยาเสพติดไปทั่วโลกเพราะเป็นรอยต่อสามประเทศจึงมีความซับซ้อนของปัญหา ดังนั้น เราจึงสมควรต้องร่วมมือกันในการป้องกันและปราบปรามกลุ่มอาชญากรรมเหล่านี้ให้หมดสิ้นไป
ด้าน พล.ต.อ.ปานศิริกล่าวว่า สำหรับความคืบหน้าในคดีนั้น อัยการสูงสุดโดยมีทางตำรวจคณะทำงานร่วม โดยผลการสอบสวนขณะนี้คืบหน้าไปได้เกือบ 90% แล้ว ทั้งการสอบสวนในส่วนของคนในประเทศไทยและการสืบสวน ตรวจสอบหลักฐานต่างๆ คงเหลือเพียงผลการสอบปากคำญาติของผู้เสียชีวิตในประเทศจีนและเจ้าของเรือสินค้าทั้ง 2 ลำ ซึ่งก่อนหน้านี้คณะจากประเทศไทยได้เดินทางไปสอบปากคำครั้งหนึ่งแล้ว และกำลังรอทางการจีนรวบรวมข้อมูลให้อยู่ ส่วนหลักฐานอื่นๆ ค่อนข้างครบถ้วน
พล.ต.อ.ปานศิริกล่าวอีกว่า สำหรับกรณีทางการจีนจับกุมตัวจายหน่อคำได้นั้น ทราบว่าจายหน่อคำให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุจริง และทางพนักงานสอบสวน-ทางการจีนได้ประสานงานกันแล้ว เพื่อให้ทางคณะของไทยเดินทางไปสอบปากคำพร้อมๆ กับการเดินทางไปเอาผลการสอบปากคำญาติและเจ้าของเรือที่ประเทศจีนต่อไป
นอกจากนี้ ในปัจจุบันศาลจังหวัดเชียงรายได้ออกหมายจับนายโอฬาร หรือจำรัส หรือลุงหนวด สมพงษ์พันธ์ เพราะเป็นตัวประสานงานในการก่อเหตุแล้ว
“ทั้งนี้ ในภาพรวมแล้วทางการจีนพอใจกับความคืบหน้าดังกล่าว ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะได้เร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จเพื่อการพิจารณาส่งฟ้องศาลในอนาคตต่อไป”
ทั้งนี้ คดีดังกล่าวยังมีการดำเนินคดีต่อทหารสังกัดกองกำลังผาเมือง 9 นาย ในคดีร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และปิดบังซ่อนเร้นศพด้วย |
|
|
|
|
|
|