วันนี้ ( 7 ส.ค.) นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เปิดเผยว่า ช่วงนี้เข้าสู่ช่วงฤดูฝน การขับรถในช่วงนี้จึงมีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุทางถนนในรูปแบบต่างๆ ซึ่งสร้างความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินจำนวนมาก เพื่อความปลอดภัยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ขอแนะวิธีป้องกันอุบัติเหตุที่มักเกิดขึ้นช่วงถนนเปียกลื่น ดังนี้ รถชนท้ายหรือเฉี่ยวชน เกิดจากการขับรถตามรถคันหน้าในระยะกระชั้นชิด ประกอบกับสภาพถนนเปียกลื่น เมื่อรถคันหน้าหยุดรถกะทันหัน ทำให้ไม่สามารถหยุดรถได้ทัน เพื่อความปลอดภัย ผู้ขับขี่ไม่ควรขับรถด้วยความเร็วสูง และใช้ความเร็วไม่เกิน 60 กม./ชม. ไม่ขับรถจี้ท้ายรถคันหน้า ควรเว้นระยะห่างจากรถคันหน้าในระยะที่เพียงพอต่อการหยุดรถหรือในระยะไม่ต่ำกว่า 60 เมตร เพื่อป้องกันรถคันหน้าหยุดกะทันหันทำให้ถูกรถคันอื่นชนท้าย ไม่หยุดรถหรือเปลี่ยนช่องทางเดินรถกะทันหัน รวมถึงเปิดสัญญาณไฟล่วงหน้าก่อนเปลี่ยนช่องทาง
รถหลุดโค้งหรือแหกโค้ง เกิดจากการใช้ความเร็วสูงขณะเข้าโค้ง ทำให้ไม่สามารถควบคุมรถให้อยู่ในเส้นทางได้ เพื่อความปลอดภัย ผู้ขับขี่ควรลดความเร็วให้อยู่ในระดับที่สามารถควบคุมได้ สัมพันธ์กับทัศนวิสัยในการมองเห็นเส้นทางและสภาพถนน ไม่เหยียบเบรกและปลดเกียร์ว่างขณะเข้าโค้ง เพราะจะเกิดแรงเหวี่ยงจนทำให้รถหลุดโค้งหรือแหกโค้ง
กรณีรถไถลออกนอกเส้นทาง ห้ามหักพวงมาลัยกะทันหัน ให้แตะเบรกเบาๆ จับพวงมาลัยให้มั่นเพื่อควบคุมรถกลับเข้าช่องทางปกติ
รถพลิกคว่ำ เกิดจากการขับรถด้วยความเร็วสูงและเบรกกะทันหัน ประกอบกับสภาพยางและเบรกไม่อยู่ในสภาพใช้งานได้ดี ทำให้รถเสียการทรงตัวและพลิกคว่ำได้ง่าย เพื่อความปลอดภัย ผู้ขับขี่ควรตรวจสอบยางและระบบเบรกให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานอยู่เสมอ ไม่ขับรถเร็ว
กรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน ห้ามเหยียบเบรก เพื่อหยุดรถทันที ให้แตะเบรกเบาๆแบบถี่ๆ เพื่อชะลอความเร็ว จะช่วยป้องกันรถพลิกคว่ำได้
รถเหินน้ำ เกิดจากการขับรถด้วยความเร็วสูงผ่านบริเวณที่มีแอ่งน้ำท่วมขัง โดยเฉพาะทางโค้งและที่ลาดต่ำ ทำให้ยางไม่สามารถรีดน้ำออกจากหน้าสัมผัสได้ทัน ส่งผลให้ล้อหมุนและลอยอยู่บนน้ำ ไม่สัมผัสกับพื้นถนน และเกิดการลื่นไถลจนไม่สามารถควบคุมได้อาการดังกล่าว เรียกว่า “รถเหินน้ำ” ให้แก้ไขโดยค่อยๆถอนคันเร่ง เพื่อเบาเครื่อง จับพวงมาลัยให้มั่น พร้อมใช้เกียร์ต่ำจนกว่ารถจะทรงตัวได้ จึงค่อยเบรกเพื่อหยุดรถ กรณีขับผ่านแอ่งน้ำหรือหลุมบ่อที่มีความลึกมากกว่าปกติ ควรเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษ โดยแตะเบรกก่อนจะถึงแอ่งน้ำเพราะจะทำให้รถหมุนหรือปัดจนเกิดอุบัติเหตุได้
หากต้องขับรถในช่วงฝนตก และมีน้ำท่วมขังในบางช่วงของพื้นถนน ไม่ควรขับขี่ด้วยความเร็วสูง เพราะจะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ หมั่นตรวจสอบลมยางและสภาพยางอย่างสม่ำเสมอเติมลมยางให้มากกว่าปกติประมาณ 2-3 ปอนด์ เพื่อให้หน้ายางแข็ง จะช่วยรีดน้ำออกจากหน้าสัมผัสของยาง และป้องกันอาการล้อฟรี กรณีดอกยางสึกหรอควรเปลี่ยนยางใหม่ โดยเลือกยางที่มีดอกยางละเอียดและมีร่องยางลึก 1.5- 2 มม. เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการยึดเกาะถนนและการหยุดรถบนเส้นทางที่เปียกลื่น. |