สาธารณสุขแนะกินผักและผลไม้สดวันละไม่น้อยกว่าครึ่งกิโลกรัม จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง และลดการป่วยและเสียชีวิตจากโรคหัวใจขาดเลือดได้ร้อยละ 30 โรคเส้นเลือดสมองตีบร้อยละ 19 ผักและผลไม้ที่มีไฟเบอร์หรือใยอาหารจะมีน้ำหนัก เกาะตัวเป็นก้อน ไหลผ่านลำไส้ผ่านกระเพาะเพื่อดักจับไขมัน น้ำตาลและสารพิษทั้งหลายที่ติดเข้าไปกับอาหารที่กินเข้าไป และจะเก็บไว้บนลำไส้ใหญ่ตอนเช้าก็จะขับถ่ายออกไป
นายแพทย์ชำนาญ หาญสุทธิเวชกุล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงราย เปิดเผยว่า ผักและผลไม้เป็นแหล่งของวิตามิน แร่ธาตุ ใยอาหารและกลุ่มสารที่เรียกว่า “พฤกษเคมี” ซึ่งมีคุณสมบัติในการช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง นอกจากนี้ยังมีใยอาหารที่มีผลดีต่อสุขภาพ โดยปริมาณใยอาหารที่มากจะทำให้อาหารผ่านทางเดินอาหารด้วยระยะเวลาที่สั้นกว่าอาหารประเภทเนื้อสัตว์ จึงเป็นการลดเวลาที่แบคทีเรียในลำไส้จะสร้างสารก่อมะเร็งขึ้นจากเศษอาหารที่เหลือจากการย่อย ข้อมูลจากองค์การอนามัยโลกได้ระบุว่า การบริโภคผักและผลไม้ที่ต่ำกว่ามาตรฐานที่กำหนดไว้ คือ 400-600 กรัม/คน/วัน (5-7.5 ถ้วยมาตรฐาน) จะทำให้ประชากรเสียชีวิตมากกว่า 2.5 ล้านคนต่อปี หากบริโภคผักและผลไม้ตามเกณฑ์มาตรฐานจะลดการป่วยและเสียชีวิตจากโรคหัวใจขาดเลือดได้ประมาณร้อยละ 31 มะเร็งหลอดอาหารร้อยละ 20 โรคเส้นเลือดสมองตีบร้อยละ 19 โรคมะเร็งกระเพาะอาหารร้อยละ 19 มะเร็งปอดร้อยละ 12 มะเร็งลำไส้ร้อยละ 2
นายแพทย์ชำนาญกล่าวต่อไปว่า ประโยชน์ที่ได้จากการกินผักผลไม้เป็นประจำ จะทำให้ป่วยน้อยกว่าคนไม่กินผักผลไม้ เมื่อเจ็บป่วยร่างกายจะฟื้นฟูหรือปรับสภาพได้เร็วกว่า โดยเฉพาะผักผลไม้ที่มีวิตามินซี เบต้าแคโรทีน มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระไม่ให้เกิดมะเร็ง ซึ่งเกิดจากเซลล์ของร่างกายมีความผิดปกติ พักผ่อนไม่เพียงพอ อารมณ์หงุดหงิด กินอาหารมันเกินไป ไม่เล่นกีฬา ไม่ออกกำลังกาย อนุมูลอิสระเมื่อเกิดขึ้นจะทำให้เซลล์ตายทำให้ผิวหนังแก่เร็ว แต่ถ้าหนังไม่เหี่ยวไม่แก่ก็จะกลายเป็นเซลล์มะเร็ง นอกจากนี้ผักและผลไม้ที่มีไฟเบอร์หรือใยอาหารจะมีน้ำหนัก เกาะตัวเป็นก้อน ไหลผ่านลำไส้ผ่านกระเพาะเพื่อดักจับไขมัน น้ำตาลและสารพิษทั้งหลายที่ติดเข้าไปกับอาหารที่กินเข้าไป และจะเก็บไว้บนลำไส้ใหญ่ตอนเช้าก็จะขับถ่ายออกไป คนที่กินผักผลไม้เป็นประจำจึงมีความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งน้อยกว่าคนไม่กินผักและผลไม้ การป้องกันที่ดีที่สุด จึงแนะนำว่าใน 1 วันควรกินผักให้ครบ 5 สี ประกอบด้วย สีเขียว สีส้มหรือสีเหลือง สีแดง สีม่วง และสีขาว
ผักสีเขียว ได้แก่ คะน้า ผักบุ้ง กวางตุ้ง โหระพา กะเพรา แมงลัก สะระแหน่ ซึ่งสารคลอโรฟิลล์สีเขียวในผักเมื่อถูกย่อยแล้ว จะช่วยป้องกันมะเร็ง บำรุงตับ ขจัดกลิ่นเหม็นต่างๆในตัวด้วย ผักสีส้มหรือสีเหลือง ได้แก่ ฟักทอง แครอท ข้าวโพด มีวิตามินช่วยต้านอนุมูลอิสระอันเป็นตัวก่อมะเร็ง ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล ข้าวโพดช่วยป้องกันความเสื่อมของจุดสีหรือแสงสีของเรตินาดวงตา ที่ทำให้ผู้สูงอายุมองไม่เห็น ผักสีแดง ได้แก่ มะเขือเทศ พริกสุก มะละกอ แตงโม ฯลฯ จะมีสารต้านอนุมูลอิสระช่วยป้องกันการเกิดมะเร็ง ลดอัตราเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจ ผักสีม่วงได้แก่ กะหล่ำสีม่วง มะเขือม่วง เผือก ดอกอัญชัน ลูกหว้า องุ่น ชมพู่มะเหมี่ยว พืชผักสีม่วงจะมีสารแอนโทไซยานินช่วยลบล้างสารที่ก่อมะเร็ง และออกฤทธิ์ขยายเส้นเลือดช่วยลดความเสียงในการเป็นโรคหัวใจและอัมพาตได้ดี มีประโยชน์ต่อไต ผักสีขาว ได้แก่ ดอกแค ผักกาดขาว มะเขือขาวเปราะ ลูกเดือย มะพร้าว น้อยหน่า มีประโยชน์ต่อปอด โดยเฉพาะดอกแคมีเบต้าแคโรทีนสูงมาก มีวิตามินซีช่วยแก้หวัด ช่วยทำให้ผิวสวย
งานควบคุมโรคไม่ติดต่อ 2/2556 ********************** 9 ตุลาคม 2555 |