ค้าไทย-พม่า-จีนผ่าน แม่สาย คึกคัก-เล็งตลาดอินเดียต่อ
ประกาศเมื่อ
10 ตุลาคม 2012 เวลา 13:06:07 เปิดอ่าน
1321 ครั้ง
การค้าผ่านชายแดนแม่สายเข้าพม่า-จีนเติบโตไม่หยุด ล่าสุดมีมูลค่าเฉียดหมื่นล้านบาทแล้ว ทั้งยังมีช่องทางทำตลาดอินเดียต่อ ร่นระยะทางส่งสินค้าผ่านทางแม่สอด-เมียวดีได้
รายงานข่าวจาก จ.เชียงรายแจ้งว่า ในปัจจุบันค้าชายแดนไทย-พม่าผ่านด่าน อ.แม่สาย มีมูลค่ารวมกันปีละกว่า 9,500 ล้านบาท แยกเป็นการส่งออกจำนวน 9,400 ล้านบาท และนำเข้า 167 ล้านบาท โดยสินค้าที่นำเข้าส่วนใหญ่ 95% ของสินค้าเป็นแร่แมงกานีส ผลส้มสด โคกระบือ ใบชา ฯลฯ ซึ่งเป็นสินค้าที่มาจากประเทศพม่าโดยตรง ขณะที่ส่งสินค้าที่มาจากประเทศจีนมีประมาณ 5% ส่วนใหญ่จะเป็นเสื้อผ้า และของเบ็ดเตล็ด
ส่วนสินค้าไทยที่ส่งออกเป็นอันดับแรกคือน้ำมันเชื้อเพลิง โดยเฉพาะน้ำมันเชื้อเพลิงจากการปิโตเลียมแห่งประเทศไทย (ปตท.) ส่งออกเป็นหลัก รองลงมาก็จะเป็นวัสดุก่อสร้าง และรถยนต์
นายกิตติ สุทธิสัมพันธ์ นายด่านศุลกากรแม่สาย กล่าวว่า ปริมาณการค้าชายแดนด้าน จ.เชียงราย โดยเฉพาะแม่สายเพิ่มขึ้นทุกปี คือเมื่อปี 2553 เป็นต้นมา พบว่าในปีถัดมาคือปี 2554 ด่านศุลกากรสามารถเก็บอากรนำเข้าและส่งออกสูงกว่า 40% และในปี 2555 ยอดตัวเลขเพิ่มขึ้นมาอีกกว่า 45% ในปี 56 ก็คาดว่าจะมากกว่าปีที่ผ่านมาแน่นอน
นอกจากนี้ ในปัจจุบันสินค้าของประเทศไทยเริ่มเป็นที่นิยมของตลาดประเทศอินเดียอย่างมาก โดยเฉพาะถ่านไฟฉาย และสินค้าพลาสติก เนื่องจากมีคุณภาพดี เพียงแต่ขณะนี้ยังไม่มีการส่งออกสินค้าไปยังประเทศอินเดียมากนัก เนื่องจากเหตุผลด้านเส้นทางคมนาคม
“ที่มีในตอนนี้ก็จะเป็นประเภทกองทัพมดซึ่งทยอยขนส่งสินค้าไปขายทีละน้อย โดยเดิมจะมีการขนเข้าสู่พม่าผ่านทาง จ.ตาก จากนั้นจะขนไปสู่ชายแดนพม่าและอินเดีย ระยะทางประมาณ 1,000 กิโลเมตร แต่เมื่อดูจากเส้นทางขนส่งออกจาก อ.แม่สาย มุ่งสู่ชายแดนประเทศอินเดียสามารถย่นระยะทางเหลือเพียง 800 กิโลเมตร ดังนั้นตลาดอินเดียจึงถือว่าเป็นอีกตลาดที่น่าจะบุกเบิกในอนาคตได้ไม่แพ้ตลาดอื่นในภูมิภาคนี้” นายกิตติกล่าว
นายกิตติกล่าวอีกว่า สำหรับการเตรียมรองรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียหรือเออีซีนั้น ศุลกากรฯ ได้เตรียมบุคลากรในการรับมือกับการนำเข้าและส่งออกที่จะทำได้สะดวกและรวดเร็ว โดยเน้นให้สามารถสื่อสารกับประเทศเพื่อนบ้านให้ได้มากที่สุด เพื่อจะได้ประสานงานกันได้อย่างเต็มที่ มีการพัฒนาระบบบริการจุดเดียว หรือ single windows รองรับการนำเข้าและส่งออก นอกจากนี้ยังเตรียมเสนอขอการเคลื่อนย้ายสินค้าระบบคลื่นความถี่วิทยุ หรือ RFID (Radio Frequency Identification ) ฯลฯ
พร้อมกับเร่งพัฒนาการอำนวยความสะดวกแก่ผู้นำเข้า ส่งออก การตรวจสอบติดตาม ควบคุมการเคลื่อนย้ายสินค้าให้มีความรวดเร็วทันสมัย เกิดความโปร่งใสและสอดคล้องกับระบบงานศุลกากรอิเล็กทรอนิกส์ด้วย ซึ่งปัจจุบันมีการใช้ระบบการพัฒนาดังกล่าวที่สนามบินสุวรรณภูมิ ด่านศุลกากรสะเดา และนิคมอุสาหกรรมบางปะอิน ต่อไปเชื่อว่าทางกรมศุลกากรจะมีการอนุมัตินำไปใช้ระบบนี้ที่ อ.แม่สายแน่นอน