นายแพทย์ชำนาญ หาญสุทธิเวชกุล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงรายเปิดเผยว่า องค์การอนามัยโลกและสหพันธ์เบาหวานนานาชาติกำหนดให้ 14 พฤศจิกายนของทุกปีเป็นวันเบาหวานโลก ปีนี้กระทรวงสาธารณสุขและสมาคมโรคเบาหวานแห่งประเทศไทยกำหนดคำขวัญใช้ในการรณรงค์ว่า “พิทักษ์อนาคตไทย พ้นภัยเบาหวาน” เพื่อสร้างกระแสให้ประชาชนและกลุ่มเสี่ยงตระหนักถึงภัยคุกคามจากโรคเบาหวาน มีความรู้ ความเข้าใจถึงสัญญาณเตือนของโรคเบาหวาน ปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรค สนับสนุนให้เด็กและเยาวชน พ่อแม่ ผู้ปกครองและประชาชนทั่วไป สามารถจัดการสุขภาพตนเองในการป้องกันเบาหวาน สำหรับกลุ่มเสี่ยงและผู้ป่วยสามารถป้องกันการเกิดโรคและภาวะแทรกซ้อนจากโรคเบาหวานได้อย่างถูกต้อง การป้องกันโรคเบาหวานในกลุ่มเด็กและเยาวชนอย่างเร่งด่วน ถือว่าเป็นอนาคตและเป็นกำลังสำคัญของประเทศ  

             นายแพทย์ชำนาญกล่าวต่อไปว่า เบาหวานเป็นโรคไม่ติดต่อเรื้อรังที่เป็นปัญหาสาธารณสุขสำคัญของโลก และเป็นสาเหตุของโรคแทรกซ้อนอวัยวะสำคัญหลายระบบของร่างกาย เช่น ตา ไต หลอดเลือด เป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด สมาพันธ์เบาหวานนานาชาติคาดการณ์ว่า ในปี 2553 ทั่วโลกมีผู้ป่วยเบาหวานอายุ 20-29 ปี 285 ล้านคน ในจำนวนนี้ 4 ใน 5 เป็นชาวเอเชีย นอกจากนี้มีเด็กอายุต่ำกว่า 14 ปี 4.4 แสนคนจากทั่วโลกป่วยเป็นเบาหวานชนิดที่ต้องพึ่งอินซูลิน และเด็กที่เป็นเบาหวานจะมีอายุสั้นลงอีก 10-20 ปี

             ข้อมูลจากการตรวจคัดกรองคนไทยอายุ 35 ปีขึ้นไปในปี 2552 จำนวน 21 ล้านคน พบผู้ป่วยเบาหวาน 1.4 ล้านคน และกลุ่มเสี่ยง 1.7 ล้านคน กลุ่มผู้ป่วยมีภาวะแทรกซ้อนกว่าแสนคน โดยเฉพาะในปี 2553 มีผู้เสียชีวิตจากโรคเบาหวาน 6,855 คนหรือวันละ 19 คน นอกจากนี้พบเด็กอายุมากกว่า 10 ปีขึ้นไปที่อ้วน ไม่ออกกำลังกาย และมีพ่อแม่หรือปู่ย่าตายายเป็นโรคนี้ มีโอกาสเป็นเบาหวานมากขึ้น  จังหวัดเชียงราย ในปี 2555 คัดกรอง 560,060 คน คิดเป็นร้อยละ 91 พบผู้ป่วยเบาหวานรายใหม่ 937 คน และพบกลุ่มเสี่ยงสูง 937 คน

             ในการเปลี่ยนวิถีชีวิตพิชิตเบาหวาน ขอแนะนำให้ผู้ปกครองและครูหมั่นดูแลเด็ก และเป็นแบบอย่างในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงต่อโรคเบาหวาน เช่น รับประทานอาหารหลากหลายในสัดส่วนที่เหมาะสม เน้นผักและผลไม้รสไม่หวาน หลีกเลี่ยงอาหารหวาน มัน เค็ม อาหารฟาสฟู้ด ขนมหวาน ขนมกรุบกรอบและน้ำอัดลม ให้เด็กมีการเคลื่อนไหวร่างกายและออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ไม่ควรให้เด็กนั่งดูโทรทัศน์หรือเล่นคอมพิวเตอร์นานเกินวันละ 2 ชั่วโมง และควบคุมไม่ให้เด็กมีภาวะน้ำหนักเกินหรืออ้วน นายแพทย์ชำนาญกล่าว

งานข้อมูลข่าวสารสาธารณสุข 12/2556  **********************     12  พฤศจิกายน   2555

ณัฏฐลักษณ์ ...ข่าว  /วิภา...ตรวจ