พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ นำสิ่งของพระราชทานจำนวน 500 ชุด ไปช่วยเหลือราษฎรที่ได้รับความเดือดร้อนจากอุทกภัยในพื้นที่อำเภอเชียงของ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจยังความปลื้มปีติ และซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น
วันนี้(11 ส.ค.56)เวลา 11.00 น. ที่สำนักงานเทศบาลตำบลสถาน อ.เชียงของ จ.เชียงราย มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ในพระราชูปถัมภ์ โดยนายประสงค์ พิทูรกิจจา เลขาธิการมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระราชูปถัมภ์ พร้อมด้วยกรรมการมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ประจำจังหวัดเชียงราย นำถุงพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จำนวน 500 ชุด มามอบให้แก่ราษฎรที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่อำเภอเชียงของ โดยมีนายพิพัฒน์ เอกภาพันธ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นายณรงค์ อินโส ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย นายทรงฤทธิ์ แก้วสุทธิ นายอำเภอเชียงของ นายช่วง ทะกัน นายกเทศบาลตำบลสถาน ตลอดจนผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ข้าราชการ เจ้าหน้าที่กิ่งกาชาดเชียงของ ให้การต้อนรับและมีชาวบ้านที่ประสบอุกภัยน้ำท่วมเมื่อวันที่ 8-9 สิงหาคมที่ผ่านมาในตำบลสถานและตำบลศรีดอนชัยเข้ารับถุงพระราชทานดังกล่าว
นายประสงค์ พิทูรกิจจา เลขาธิการมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระราชูปถัมภ์ กล่าวว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงทราบถึงความเดือดร้อนของประชาชนที่ประสบภัยธรรมชาติทั่วประเทศทรงห่วงใยอย่างมากจึงรับสั่งให้ทางมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯออกให้การช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนนำถุงพระราชทานที่ประกอบด้วยเครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็นในการดำรงชีพ มอบให้กับราษฏรทั่วประเทศเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ สำหรับจังหวัดเชียงรายช่วงเช้าที่ผ่านมาก็ได้เดินทางไปมอบให้กับราษฎร์ที่อำเภอวียงเชียงรุ้งจำนวน 500 ชุด ส่วนช่วงบ่ายจะได้เดินทางไปมอบให้กับพี่น้องที่ประสบอุทกภัย อำเภอฝางและอำเภอไชยปราการ จังหวัดเชียงใหม่ รวมสิ่งของพระราชทานที่มอบครั้งนี้ทั้งหมด 2,000 ชุด
นายพิพัฒน์ เอกภาพันธ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายกล่าวว่าจังหวัดเชียงรายได้เกิดฝนตกหนักต่อเนื่องมาตั้งแต่ปลายเดือน ก.ค.จนถึงปัจจุบัน ทำให้เกิดอุทกภัยน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่ทางการเกษตรในหลายพื้นที่ของจังหวัดเชียงราย ล่าสุดวันที่ 8-9 ส.ค. 56 เกิดฝนตกหนักอีกครั้งทำให้น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากและดินสไลด์ในหลายพื้นที่รวม 8 อำเภอ 19 ตำบล 119 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 2,954 ครัวเรือน 7,498 คน ปัจจุบันถึงแม้จะเข้าสู่สภาวะปกติแล้วแต่ยังให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเฝ้าระวังต่อไป ส่วนการให้ความช่วยเหลือเบื้องต้น จังหวัดเชียงรายได้ให้ความช่วยเหลือเฉพาะหน้าไปแล้วนั้น โดยบูรณาการให้ความช่วยเหลือจากส่วนราชการระดับจังหวัด อำเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ถ้าพื้นที่ไหนประสบภัยหนักก็จะมีประกาศให้เป็นเขตประสบภัยพิบัติเพื่อจะได้ให้ความช่วยเหลืออย่างเร่งด้วนทันท่วงที ส่วนสาเหตุที่ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันนั้นทางจังหวัดจะได้ประชุมหารือร่วมกับทุกฝ่ายโดยเฉพาะปัญหาการบุกรุกทำลายป่าก็เป็นสาเหตุหนึ่งจะต้องไม่ให้มีการบุกรุกเพิ่มรวมทั้งต้องส่งเสริมสนับสนุนโครงการปลูกป่าถาวรเพื่อช่วยให้ต้นไม้ใหญ่ได้อุ้มน้ำและยังแก้ไขปัญหาหมอกควันไฟป่าได้อีกทางหนึ่ง ส่วนจุดที่มีดินสไลด์โคลนถล่มปิดถนนต้องสร้างแนวป้องกันเป็นปูนหรือปลูกหญ้าแฝก สำหรับที่อำเภอเชียงของน้ำท่วมครั้งนี้ทราบว่าเกิดขึ้นเป็นช่วงสั้นๆน้ำมาและก็ไปอย่างรวดเร็วได้เน้นย้ำให้เฝ้าติดตามปริมาณแม่น้ำโขงและอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่เป็นระยะหากไม่มีฝนตกหนักต่อเนื่องอีกคาดว่าทุกอย่างจะเข้าสู่สภาวะปกติต่อไป
ด้านนางพรรณทอง กาวิชัย อายุ 55 ปี อยู่บ้านเลขที่ 243/1 ม.2 บ้านทุ่งงิ้วต.สถาน อ.เชียงของ จ.เชียงราย ราษฎร์ที่ประสบภัยน้ำท่วมและเข้ารับพระราชทานถุงยังชีพในครั้งนี้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่าที่บ้านตนถูกน้ำท่วมขังเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 9 ส.ค. ขณะที่ตนเองทำงานอยู่ที่ไร่ไม่ทราบว่าน้ำท่วมบ้านทำให้ข้าวของถูกน้ำท่วมขังเสียหายขนย้ายไม่ทัน เช่นตู้เสื่อผ้าเพราะบ้านตอนเองเป็นบ้านชั้นเดียวและปลูกติดกับห้วยน้ำช้างที่ไหลผ่านในหมู่บ้าน ถือเป็นครั้งแรกในชีวิตที่ได้รับสิ่งของพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวดีใจมากรู้สึกปลาบปลื้มปิติยินดีเป็นอย่างยิ่งที่พระองค์ทรงห่วงใยและมองสิ่งของให้ โดยตนเองจะนำของพระราชทานที่ได้แจกจ่ายให้กับเพื่อนบ้านด้วย ขนมก็จะมอบให้กับเด็กๆ ส่วนพระฉายาลักษ์ในหลวงที่ได้รับมอบวันนี้ก็จะเก็บรักษาไว้อย่างดีอยากจะบอกในหลวงว่ารักพระองค์ท่านที่สุดอยากให้พระองค์มีพระพลานามัยแข็งแรงสมบูรณ์
สำหรับพิ้นที่อำเภอเชียงของได้เกิดฝนตกหนักในด้วยอิทธิพลของพายุโซนร้อนมังคุดทำให้เช้าตรู่วันที่ 9 สิงหาคมที่ผ่านมาเกิดเหตุน้ำป่าจากดอยห้วยน้ำม้าซึ่งอยู่ด้านทิศตะวันตกของอำเภอเชียงของไหลบ่าเข้าท่วมพื้นที่ทางการเกษตรและอาคารบ้านเรือนของราษฎรได้รับความเสียหายจำนวนมากโดยเฉพาะบ้านน้ำม้า ม.3 ,10 และ ม.13 ต.สถาน และอีกหลายหมู่บ้าน ซึ่งเป็นพื้นที่ต้นทางเสียหายกว่า 600 หลังคาเรือน โรงเรียน วัดถูกน้ำท่วมขังบางจุดระดับน้ำท่วมสูงกว่า 1 เมตร แต่มวลน้ำได้ไหลลงสู่แม่น้ำอิงและแม่น้ำโขงผ่านลำห้วยน้ำม้าและลำห้วยน้ำช้างอย่างรวดเร็ว ขณะที่สถานีวัดน้ำฝนอ่างเก็บน้ำห้วยช้าง ต.สถาน ที่มีความจุ 6,300 ล้านลูกบาศก์เมตร ของโครงการชลประทานเชียงรายวัดปริมาณน้ำฝนได้มากถึง113.2 มิลลิเมตร และมีปริมาณน้ำในอ่างเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและล้นทางระบายน้ำถึง 20 เซนติเมตรแล้ว จึงออกประกาศเตือน ให้ระวังน้ำล้นอ่างเก็บน้ำห้วยช้างด้วย ล่าสุดมีการปล่อยน้ำในอ่างห้วยน้ำช้างเพื่อเป็นการระบายน้ำดังกล่าวแล้ว |