ชาวบ้านดงมหาวัน อ.เวียงเชียงรุ้ง จ.เชียงราย บุกศาลากลางทวงคืนที่ดินสาธารณะประโยชน์ |
|
ประกาศเมื่อ
30 สิงหาคม 2013 เวลา 11:32:21 เปิดอ่าน
1322 ครั้ง |
|
|
ชาวบ้านดงมหาวัน อ.เวียงเชียงรุ้ง จ.เชียงราย บุกศาลากลางทวงคืนที่ดินสาธารณะประโยชน์
วันนี้(29 ส.ค.) ที่ศาลากลางจังหวัดเชียงราย กลุ่มประชาชนจาก ต.ดงมหาวัน อ.เวียงเชียงรุ้ง ประมาณ 200 คน ได้พากันไปชุมนุมเพื่อเรียกร้องให้จังหวัดเพื่อเรียกร้องให้ทางราชการช่วยเหลือกรณีข้อพิพาทเรื่องที่ดิน "ขุนน้ำห้วยแม่ซ้าย"ซึ่งมีภูเขา ที่ราบและลำธาร เนื้อที่รวมประมาณ 6,314 ไร่ ระหว่างเอกชนที่เข้าไปถือครองที่ดินเพื่อทำประโยชน์กับกลุ่มชาวบ้านที่อาศัยพื้นที่นี้เพื่อใช้ประโยชน์ร่วมกันทางด้านการเกษตร เลี้ยงสัตว์ ฯลฯ มาตั้งแต่บรรพบุรุษ
โดยกลุ่มชาวบ้านนำโดยนายอุทธา นัยติ๊บ ผู้ใหญ่บ้าน ม.12 นายภาสกร นัยติ๊บ ผู้ใหญ่บ้าน ม.1 นายอุดร พงษ์รักษ์ ผู้ใหญ่บ้าน ม.3 นายสงกรานต์ โสภามา นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ดงมหาวัน ฯลฯ ได้ยื่นหนังสือต่อ นายมนัส โสกันธิกา รองผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย ที่เข้ารับเรื่องมีเนื้อหาว่าพื้นที่ดังกล่าวชาวบ้านใช้ประโยชน์ร่วมกันมาตั้งแต่ตั้งรกราก ต่อมาปี 2553 ได้มีกลุ่มทุนเข้าถือครองพื้นที่เพื่อเข้าทำประโยชน์ส่วนตัวเป็น น.ส.3 ก. ทำให้เมื่อปี 2536 ชาวบ้านจึงร้องเรียนต่อคณะกรรมการป้องกันและปรามปรามการประพฤติมิชอบในวงราชการ ในขณะนั้น.มีมติเมื่อปี 2538 ให้เพิกถอน น.ส.3 ก.แต่ปรากฎว่าจนถึงปัจจุบัน หน่วยงานราชการที่รับผิดชอบก็ยังไม่สามารถเพิกถอนสิทธิของเอกชนได้
นายสงกรานต์ โสภามา นายกองค์การบริหารส่วนตำบลดงมหาวัน กล่าวว่า ที่ดินที่เป็นปัญหาเป็นที่สาธารณะที่ชาวบ้านใช้ประโยชน์มานาน เมื่อเกิดปัญหาการเข้าไปถือครองของเอกชนทาง ป.ป.ป.ก็มีมติให้เพิกถอน น.ส.3ก.ในเขต ต.ดงมหาวัน 31 แปลง เขต ต.ป่าซาง จำนวน 27 แปลง ต.ทุ่งก่อ 83 แปลง รวมทั้งหมด 141 แปลง แต่จากนั้นก็ไม่มีความคืบหน้าเพราะเอกชนก็ยังใช้ประโยชน์อยู่ ทำให้ชาวบ้านออกมาเรียกร้องและร่วมกับหน่วยงานภาครัฐเข้าไปสำรวจเป็นเวลาล่วงเลยมานานกว่า 18 ปี แล้วนับตั้งแต่เรียกร้องจนทาง ป.ป.ป.มีมติ กระทั่งมีชาวบ้านถูกดำเนินคดีเพราะถูกเอกชนแจ้งความดำเนินคดีทั้งๆ ที่พวกเราเข้าไปสำรวจพื้นที่ร่วมกับเจ้าหน้าที่รัฐ เช่น ที่ดินจังหวัด ฯลฯ ปัจจุบันถูกตัดสินให้จำคุกแล้ว 2 รายๆ ละ 5-6 ปี และหลายคนก็ถูกฟ้องร้องกันอยู่ ดังนั้นจึงขอให้จังหวัดในฐานะดูแลปัญหาที่ดินของชาวบ้านได้แก้ไขปัญหาไม่ใช่ปล่อยให้ยืดเยื้อจนพ้น 20 ปีก็จะกลายเป็นหมดอายุความไปเสีย
ต่อมานายมนัส โสกันธิกา รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย จึงได้จัดประชุมกับชาวบ้านโดยมี นายบุณยศักดิ์ ปงกาวงค์ เจ้าพนักงานที่ดิน จ.เชียงราย สาขาเวียงชัย ซึ่งดูแลพื้นที่ร่วมชี้แจงด้วย ซึ่งนายบุณยศักดิ์ ได้ให้ข้อมูลกับชาวบ้านว่า พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่หนังสือสำคัญสำหรับที่หลวงหรือ นสล.เมื่อปี 2521 จากนั้นมีการรังวัดในปี 2542 แต่ต่อมาเกิดกรณีปัญหาร้องเรียนกันเรื่อยมาจนถึงขั้นคณะกรรมาธิการสภาผู้แทนราษฎร ทางสำนักงานที่ดินจึงมีการเข้าไปสำรวจรังวัดอีกครั้งเมื่อวันที่ 13 ก.พ.2556 ที่ผ่านมา ปรากฎว่าได้รูปแผนที่ไม่ตรงกับเขตการปกครองจึงไม่สามารถชี้ตำแหน่งและไม่มีการทำแผนที่ ปัจจุบันกรมที่ดินให้จัดทำแผนที่ทับซ้อนทำให้ที่ดินจังหวัดอยู่ระหว่างดำเนินการ
ในที่ประชุมชี้แจงดังกล่าวมีการนำเสนอรูปภาพแผนที่ที่ดินที่ที่เป็น นสล.เดิมกับแผนที่ใหม่ที่ทางสำนักงานที่ดินได้รังวัดในปี 2556 มาเปรียบเทียบกัน ปรากฎว่ามีความแตกต่างกันอย่างชัดเจนโดยแผนที่ดินเป็นรูปโค้งเว้าส่วน แบบใหม่เป็นเส้นตรงและมีเหลี่ยมมุม โดยชาวบ้านระบุว่าเมื่อครั้งสำนักงานที่ดินเชิญไปร่วมชี้แนวเขตเพื่อรังวัดใหม่เมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา ชาวบ้านต่างก็ชี้ไปที่จุดเดิมตรงกับแผนที่เมื่อปี 2521 และ 2542 แต่ปรากฎว่าเมื่อแผนที่ของสำนักงานที่ดินออกมากลับเป็นแบบใหม่ที่ไม่เหมือนกับที่ไปชี้ ทำให้ชาวบ้านแปลกใจมากและปัญหาก็ยืดเยื้อมาจนถึงปัจจุบันเพราะสำนักงานที่ดินระบุว่ารูปแผนที่ไม่ตรงกันดังกล่าว และเอกชนก็ถือครองใช้ประโยชน์เรื่อยมา
รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ได้สรุปให้ทางชาวบ้านทั้งผู้ใหญ่บ้าน อบต.ดงมหาวัน ฯลฯ ได้ทำเอกสารยืนยันแผนที่ตามรูปแบบให้แล้วเสร็จภายในสัปดาห์หน้าโดยทางจังหวัดจะสั่งการไปยังอำเภออีกชั้นหนึ่ง จากนั้นอีก 2 สัปดาห์ทางจังหวัดก็จะนำมาพิจารณาตามคำยืนยันดังกล่าว และคาดวน่าจะเพิกถอน นส.3 ก.ดั งกล่าวได้ราววันที่ 9-13 ก.ย.นี้ ทั้งนี้นายมนัสชี้แจงว่าเหตุที่ล่าช้ามายาวนานเพราะต้องนำแผนที่ที่เป็น นสล.เดิมและแผนที่ใหม่ที่อ้างว่าเป็น นส.3 ก.มาทับกัน รวมทั้งยกตัวอย่างกรณีปัญหาในพื้นที่อื่นๆ ที่จะต้องมีการตรวจสอบหลายขั้นตอน เช่น หนองน้ำใน อ.แม่จัน มีการนำรายชื่อชาวบ้านไปออกเป็น นส.3 ก.แต่ชาวบ้านไม่รู้เรื่องซึ่งกรณีของพื้นที่ อ.เวียงเชียงรุ้ง นายมนัสได้ทดลองสอบถามบางรายพบว่าบางคนถูกสวมว่าขอออก นส.3 ก.จริงแต่เจ้าตัวไม่รู้เรื่องด้วย ทำให้ชาวบ้านพอใจและแยกย้ายกันกลับ
"ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ต้องทำงานรอบคอบเพราะมักมีการฟ้องร้องเกิดขึ้นโดยปัจจุบันเจ้าหน้าที่ทั้งจังหวัดและเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดถูกเอกชนฟ้องร้องเรื่องที่ดินแล้วร่วม 300 คดี มูลค่าทรัพย์สินกว่า 20,000 ล้านบาท แต่ยืนยันว่าการเพิกถอนกรณี อ.เวียงเชียงรุ้ง ต้องเกิดขึ้นแน่แต่ต้องใช้เวลาบางพื้นที่เจ้าพนักงานที่ดินเองถูกตรวจสอบจนถูกไล่ออกและดำเนินคดีแม้แต่หลบหนีคดีไปแล้วหลายราย"นายมนัสกล่าว |
|
|
|
|
|
|