นางสาววัลยา จิราธิวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่สายงานพัฒนาธุรกิจและบริหารโครงการก่อสร้าง ของซีพีเอ็น กล่าวว่า “การรุกตลาดต่างประเทศเป็นอีกก้าวที่ท้าทายของซีพีเอ็น เราเล็งเห็นโอกาสในการขยายธุรกิจไปต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาดอาเซียน เพราะการรวมตัวเป็นประชาคมอาเซียน จะส่งผลให้ภูมิภาคนี้เป็น Single Market ที่มีศักยภาพสูง ทั้งด้านจำนวนประชากร การหมุนเวียนของเศรษฐกิจ รวมถึงกำลังซื้อมหาศาลที่เอื้อกับการขยายธุรกิจค้าปลีก ซึ่งซีพีเอ็นสนใจเข้าไปขยายธุรกิจในประเทศที่มีการเติบโตของเมือง มีจำนวนประชากรสูง และมีการเติบโตของกลุ่ม Middle to High Income ที่มีอำนาจการซื้อสูง โดยจะเน้นการสร้างความเติบโตให้องค์กรด้วยกลยุทธ์เชิงรุก ซึ่งแผนในการบุกตลาดในอีก 5 ปีข้างหน้า คาดว่าจะเปิดศูนย์การค้าในตลาดอาเซียนประมาณ 2-3 แห่ง แต่ละแห่งคาดว่าจะใช้งบลงทุนไม่ต่ำกว่า 4,000-5,000 ล้านบาท”

“เราเล็งเห็นว่าธุรกิจค้าปลีกในมาเลเซียยังมีโอกาสและศักยภาพในการเติบโตได้อีกมาก จากเศรษฐกิจของมาเลเซียที่กำลังเติบโตและมีความแข็งแกร่งในทุกด้าน มีการลงทุนอย่างคึกคักโดยเฉพาะในภาคค้าปลีก มีแนวโน้มการเติบโตของเมือง การเติบโตของภาคอุตสาหกรรมที่แข็งแกร่ง รวมถึงอัตราการเจริญเติบโตของ GDP ที่ทำให้รายได้ต่อหัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว มาเลเซียเป็นประเทศที่มีอำนาจการซื้อสูงกว่าประเทศไทยและมีรายได้ของประชากรเฉลี่ยสูงกว่าประเทศไทยถึง 2 เท่า และมีผู้บริโภคกลุ่ม (Middle to High Income) เพิ่มสูงขึ้นทุกปี ซึ่งเป็นปัจจัยขับเคลื่อนธุรกิจค้าปลีกที่สำคัญ” นางสาววัลยา กล่าวเสริม

สำหรับกลยุทธ์ ในการเจาะตลาดมาเลเซียนั้น นางสาววัลยา กล่าวว่า “ซีพีเอ็นจะสร้างความแตกต่างจากความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ของซีพีเอ็นที่มีกว่า 30 ปีในธุรกิจนี้ ซึ่งเป็นจุดแข็งที่ส่งเสริมความได้เปรียบในการลงทุนธุรกิจในต่างประเทศ นอกจากนี้ซีพีเอ็น ยังมีพันธมิตรที่แข็งแกร่งอย่าง ICP ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ I-Berhad ยักษ์ใหญ่ด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในประเทศมาเลเซีย ที่จะช่วยให้เราทราบถึงความต้องการของตลาด พฤติกรรมผู้บริโภค กฎหมายท้องถิ่น และส่งเสริมให้เรานำความเชี่ยวชาญของซีพีเอ็นมาประยุกต์ใช้ เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการของตลาดและผู้บริโภคมาเลเซียได้อย่างลงตัว นอกจากนี้ แบรนด์เซ็นทรัล เองก็เป็นที่รู้จักดีในกลุ่มคนมาเลย์ และคนมาเลย์ก็ตั้งตารอให้เราไปเปิดที่นั่น”

เซ็นทรัลพลาซา ไอ-ซิตี้ จะเป็นศูนย์การค้าในรูปแบบ “รีจินัล มอลล์” แห่งแรกของมาเลเซีย ในโครงการ i-City เมืองเทคโนโลยีแห่งใหม่ของมาเลเซีย ซึ่งปัจจุบันเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางของชาวมาเลเซียว่าเป็นสถานที่ที่มีสีสันดึงดูดผู้คน ทั้งคนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยว โดยซีพีเอ็นจะร่วมกับ ICP ลงทุนพัฒนาโครงการ มูลค่า 580 ล้านริงกิต หรือประมาณ 5,800 ล้านบาท ซึ่ง ICP จะถือหุ้นในสัดส่วน 40% และ CPN โดยบริษัทย่อยที่จะได้จัดตั้งขึ้นในประเทศมาเลเซีย จะถือหุ้นในสัดส่วน 60%

เซ็นทรัลพลาซา ไอ-ซิตี้ จะเป็นศูนย์กลางของไลฟ์สไตล์ทันสมัยทั้งการช้อปปิ้ง บันเทิง และเป็นศูนย์กลางการพบปะของชุมชนในเขตตะวันตกของรัฐสลังงอร์ ตั้งอยู่บนที่ดินฟรีโฮล์ดขนาดกว่า 28 ไร่ มีพื้นที่โครงการทั้งหมด (GFA) ประมาณ 278,000 ตารางเมตร และมีพื้นที่ขาย (NLA) ประมาณ 89,700 ตารางเมตร ซีพีเอ็นจะควบคุมการออกแบบ พัฒนาศูนย์การค้าและบริหารศูนย์การค้าแห่งนี้ในฐานะบริษัทบริหารศูนย์การค้า โดยจะนำความแตกต่างและแปลกใหม่ไปสู่วงการค้าปลีกของมาเลเซีย ทั้งแบรนด์ชั้นนำของไทย และนวัตกรรมการออกแบบศูนย์การค้า

กลุ่มเป้าหมายของเซ็นทรัลพลาซา ไอ-ซิตี้ จะเป็นกลุ่ม Middle to High Income ที่มีอำนาจการซื้อสูงในเมืองชาห์อลัม เป็นเมืองหลวงของรัฐสลังงอร์ ซึ่งมีประชากรมากกว่า 600,000 คน และมีการเติบโตของกลุ่มคนชั้นกลางที่มีกำลังซื้อสูงอย่างรวดเร็ว รวมถึงประชากรในรัฐสลังงอร์ที่มีมากกว่า 5 ล้านคน รวมถึงกลุ่มเป้าหมายในเมืองใกล้เคียง ทั้ง Klang และ Kuala Lumpur ซึ่งการก่อสร้างศูนย์การค้าแห่งนี้คาดว่าจะเริ่มในปี 2557 และจะเปิดให้บริการในปี 2559

ICP เป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ในเครือของ I-Berhad ยักษ์ใหญ่ด้านอสังหาริมทรัพย์ของมาเลเซีย เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เบอร์ซ่า มาเลเซีย และเป็นผู้พัฒนาโครงการ i-City ซึ่งเป็นเมืองเทคโนโลยีแห่งใหม่ของมาเลเซีย โครงการนี้เป็นศูนย์กลางการใช้ชีวิตที่ครบวงจร เป็นทั้งย่านธุรกิจหลักของเมือง แหล่งที่อยู่อาศัย แหล่งพักผ่อนหย่อนใจที่มีความบันเทิงครบสมบูรณ์แบบ ด้วยศูนย์การค้า อาคารสำนักงานไซเบอร์ เซ็นเตอร์ สำนักงานของบริษัทชั้นนำ โรงแรม อาคารที่พักอาศัย พื้นที่ค้าปลีก มี Snow Dome และ Ferris Wheel สถานที่ท่องเที่ยวประดับไฟสวยงามในยามค่ำคืน ล่าสุดมีการสร้างสวนน้ำ และมีแผนที่จะพัฒนา Performing Art Center ในอนาคต สำหรับรองรับนักท่องเที่ยว