กางผังชี้เป้า 11 แหล่งผลิตยานรก ชิดชายแดนเชียงราย |
|
ประกาศเมื่อ
22 กันยายน 2013 เวลา 22:35:01 เปิดอ่าน
1323 ครั้ง |
|
|
เมื่อเร็วๆ นี้ มีการลงนามในบันทึกความเข้าใจ หรือเอ็มโอยู ระหว่าง พ.อ.ยงยุทธ เหล่าเขตร์การ รอง ผบ.ฉก.ม.3 กองกำลังผาเมือง กับผู้ประกอบการขนส่ง และห้องพัก เพื่อร่วมกันแจ้งเบาะแสกับเจ้าหน้าที่ที่โรงแรมลักษวรรณ รีสอร์ท จ.เชียงราย
เนื่องจากพื้นที่ชายแดนตรงข้าม จ.เชียงราย มีโรงงานผลิตยาเสพติดรวมกันถึง 11 แห่ง!!!
โดยโรงงานผลิตยาเสพติดเหล่านี้กระจายอยู่ในเขตรัฐฉานตอนเหนือ เลียบแม่น้ำโขงชายแดนพม่า-สปป.ลาว ไปจนถึงชายแดนจีน 6 แห่ง รัฐฉานตะวันตก ตรงข้าม จ.เชียงราย 2 แห่ง และรัฐฉานใต้ ตรงข้ามชายแดนเชียงราย-เชียงใหม่ 3 แห่ง
แหล่งผลิตเหล่านี้อยู่ภายใต้การควบคุมของชนกลุ่มน้อยในพม่า มีกองกำลังติดอาวุธ คาราวานขนส่ง ทีมลักลอบนำเข้าสู่แหล่งพักบริเวณชายแดนไทย เพื่อส่งต่อให้กับผู้รับช่วงขนส่งในไทย ลักลอบนำลงพื้นที่ภาคกลาง โดยเฉพาะกรุงเทพฯ และปริมณฑลเป็นหลัก
โดยชนกลุ่มน้อยไม่ได้มีเฉพาะกลุ่มว้าแดงเท่านั้น แต่ยังมีทั้งมูเซอ ไทยใหญ่ โกกั้ง ม้ง อาข่า แต่ละกลุ่มมีข้อตกลงแบ่งเขตการปกครองตนเองภายใต้รัฐบาลพม่า ทำให้กลายเป็นเมืองศูนย์กลางการปกครอง มีฐานที่มั่นทางทหาร และกองกำลังติดอาวุธพร้อมสรรพ
พ.อ.ยงยุทธกล่าวว่า ตามฐานข้อมูลการข่าวของกองกำลังผาเมือง บ่งชี้ว่า กลุ่มผู้ผลิตรายเดิมที่คุ้นชื่อกันดี คือ “เหว่ย เซียะ กัง” ที่มีอิทธิพลในเขตว้าแดงตั้งแต่รัฐฉานตอนเหนือ จดเมืองปางซาง ชายแดนจีน-พม่า ถึงเมืองยอน ตรงข้ามอ.แม่จัน จ.เชียงราย และอ.แม่อาย จ.เชียงใหม่
นอกจากนี้ยังมีกลุ่มที่เคลื่อนไหวในบริเวณเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นนายอาแม (อาข่า) นายจินนี่ นายจะงอย (ร.ท.จะงอย) พ.ท.ยี่เซ โดยสองรายสุดท้ายเป็นกลุ่มมูเซอ ที่เป็นกองกำลังอาสารักษาดินแดนของพม่า มีฐานที่มั่นอยู่ติดชายแดนไทย ตั้งแต่ อ.แม่ฟ้าหลวง ถึง อ.แม่สาย จ.เชียงราย
นายจะงอยได้ร่วมกับเหว่ย เซียะ กัง และพ.ท.ยี่เซ ที่รู้จักกันดีในนามเครือข่ายกลุ่มผู้ผลิตยาเสพติดบ้านปูนาโก่ และดอยสามสูง ตัวนายจะงอยจะเคลื่อนไหวอยู่แถบชายแดนตรงข้าม อ.แม่ฟ้าหลวง พยายามลักลอบนำยาบ้าผ่านทางช่องทางแม่โจ๊ก เข้าสู่ อ.แม่ฟ้าหลวง แถบบ้านหัวแม่คำ และบ้านม้งเก้าหลัง แต่ถ้าถูกตรวจสอบหนัก ก็จะหันไปใช้เส้นทางบ้านแม่โจ๊ก-เมืองกาน ลัดเลาะชายแดนไทย-พม่า ไปทางตัวเมืองท่าขี้เหล็ก ตรงข้ามด่าน อ.แม่สาย เพื่อไปทางบ้านโป่ง เมืองพง ริมแม่น้ำโขงชายแดนพม่า-สปป.ลาว ใกล้สามเหลี่ยมทองคำ อ.เชียงแสน ซึ่งสามารถลักลอบนำเข้าสู่ประเทศไทยได้ตลอดแนวแม่น้ำโขง ตั้งแต่สามเหลี่ยมทองคำ อ.เชียงแสน ถึง อ.เวียงแก่น จ.เชียงราย
ขณะที่กลุ่ม พ.ท.ยี่เซ มีฐานสำคัญ คือ ฐานเอดิ ตรงข้ามบ้านป่าซางนางเงิน อ.แม่ฟ้าหลวง พยายามลักลอบนำยาเสพติดเข้าไทย ตั้งแต่ด้าน อ.แม่สาย เรื่อยมาจนถึงเขต อ.แม่จัน และ อ.แม่ฟ้าหลวง จุดลักลอบที่สำคัญ คือ บ้านผาขาว ตรงข้าม อ.แม่ฟ้าหลวง โดยนอกจากจะอาศัยเครือข่ายชนเผ่าเดียวกันแล้ว ช่วงหลังยังหันมาส่งต่อยาเสพติดที่นำเข้าเขตไทยแล้วให้กับกลุ่มม้ง เครือข่ายใหญ่ที่มีอิทธิพลในรัฐฉาน ตั้งแต่ตอนเหนือ ตอนใต้ จนถึงตะวันตก
นอกจากนี้ พื้นที่แถบตะวันตก ตรงข้าม อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ ยังมีกองกำลังไทยใหญ่อีกกลุ่มหนึ่ง ซึ่งหน่วยงานความมั่นคงพบว่ามีพฤติกรรมการผลิตและค้ายาเสพติดเช่นกัน โดยปรากฏข่าวการสั่งซื้อหัวเชื้อเพื่อนำไปผลิตยาเสพติดอยู่เนืองๆ เช่น ปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ปรากฏข่าวกองกำลังไทยใหญ่กลุ่มหนึ่งแถวดอยสันจุ๊ ซื้อหัวเชื้อยาบ้า 5 กิโลกรัมมาจากบ้านนากองมู ตรงข้าม อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ โดยมีนางแสงหลู่เกี่ยวข้องด้วย เพื่อนำไปอัดเม็ดยาบ้าที่โรงงานแถบบ้านหัวจ่าย ซึ่งอยู่ลึกเข้าไปในพม่า
ส่วนด้านเหนือสุดติดกับชายแดนจีน ยังคงเป็นเขตอิทธิพลของกลุ่มโกกั้ง นำโดยเป๋อ โสว่ เฉิน กลุ่มนี้แม้จะมีอาณาเขตติดกับแหล่งผลิตยาเสพติดของเขตปกครองว้าตอนเหนือ ที่มีเมืองปางซางเป็นศูนย์กลาง มีการติดต่อกับกลุ่มว้าแดงทางตอนเหนือและใต้ ที่มีเมืองยอนเป็นศูนย์กลาง กลุ่มไทยใหญ่ และมูเซอที่อยู่ถัดลงมาทางตอนใต้ และตะวันตกของรัฐฉาน
โดยกลุ่มว้าแดงขอให้กลุ่มไทยใหญ่กลุ่มเดียวกันนี้หาซื้ออาวุธปืนสงครามเอชเคไว้ใช้ เพราะกลุ่มนี้ตั้งฐานอยู่ติดชายแดนด้าน จ.แม่ฮ่องสอน โดยนำเข้าไปทางบ้านหัวเมือง ฝั่งพม่า ตกลงแลกซื้อขายกับยาบ้ากระบอกละ 30,000-50,000 บาท เทียบเท่ากับยาบ้าประมาณ 1,000 เม็ดหรือครึ่งมัด (1 มัดมี 2,000 เม็ด 20 ซอง ซองละ 100 เม็ด มีเม็ดสีเขียวเป็นตัวนับในแต่ละซอง) นอกจากนี้ยังสั่งซื้ออาวุธปืนพกสั้นอีกด้วย
ล่าสุดยังปรากฏข่าวแกนนำของกลุ่มสำคัญที่ควบคุมดูแลแหล่งผลิตยาเสพติดเหล่านี้ ได้จัดประชุมกันเมื่อปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เพื่อปรับยุทธศาสตร์และยุทธวิธีในการผลิต ลักลอบขนเข้าสู่ไทยอย่างเป็นระบบ โดยมีเครือข่ายโยงใยใหญ่โต ทั้งในพม่าและไทย รวมทั้งการปรับสูตรให้ยาบ้ามีฤทธิ์ตามที่ตลาดในไทยต้องการด้วย
ช่วงเดียวกันที่ปรากฏกลุ่มไทยใหญ่อีกกลุ่มหนึ่งสั่งซื้อรถยนต์ขับเคลื่อนสี่ล้อ จากชายแดนไทยด้าน ต.สบป่อง อ.ปางมะผ้า จ.ฮ่องสอน ผ่านเครือข่ายสบป่องในฝั่งไทยเป็นจำนวนมาก ซึ่งมองกันว่าเพื่อใช้ในการขนยาเสพติดบนพื้นที่รัฐฉาน ที่เกือบทั้งหมดยังไม่มีเส้นทางคมนาคมที่สะดวก
โดยกลุ่มที่อยู่ตอนใต้ต้องเสียค่าผ่านทางให้เพื่อเป็นทางผ่านสู่ประเทศไทย อย่างน้อยต่อยาบ้าเม็ดละ 1 บาท บางครั้งเม็ดละ 3 บาท
ครั้งหนึ่งก่อนที่นายหน่อคำ กองกำลังติดอาวุธชาวไทยใหญ่ ที่ถูกทางจีนจับกุมตัวหลังก่อเหตุยิงและฆ่าลูกเรือจีน 2 ลำ จนเสียชีวิต 13 ศพ เมื่อเดือนตุลาคม 2554 และถูกศาลจีนตัดสินประหารชีวิตไปแล้ว ก็เคยเก็บค่าผ่านทางยาบ้าจากกลุ่มที่ขนผ่านเขตลุ่มแม่น้ำโขง บริเวณสามเหลี่ยมทองคำ ถึงเม็ดละ 3 บาท
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากในรัฐฉานเองมีกองกำลังชนกลุ่มน้อยที่ผลิตและขนยาเสพติดหลายกลุ่ม ทำให้มีการกำหนดเขตการเคลื่อนไหว ไม่จำแนกว่าเฉพาะกองกำลังติดอาวุธทั่วไป แต่หมายถึงการลำเลียงยาเสพติดด้วย ดังนั้นจึงปรากฎข่าวการซุ่มโจมตีคาราวานยาเสพติดของกลุ่มผู้ผลิตและค้ายาเสพติดด้วยกันอยู่เนืองๆ โดยเดือนสิงหาคมที่ผ่านมานี้กองกำลังว้าในรัฐฉานใต้ได้โจมตีเครือข่ายยาเสพติดบ้านแสนใหม่ บริเวณชายแดนด้าน อ.แม่จัน ที่พยายามขนยาบ้าผ่านเขตนี้กว่า 1,000,000 เม็ด ทำให้แกนนำแต่ละกลุ่มพยายามแก้ปัญหาด้วยการติดตราบนห่อยาบ้าไม่ให้เหมือนกัน เช่น รูปมือ สิงโต เป็นต้น เพื่อการตรวจสอบกรณีถูกเจ้าหน้าที่ไทยตรวจยึดได้ระหว่างขนเขตไทย
อีกกลุ่มที่น่าจับตาเพราะเป็นจุดที่มีแหล่งผลิตมากถึง 6 แห่ง คือ รัฐฉานตะวันตก เลียบแม่น้ำโขง โดยมีโรงงานตั้งแต่เขตโกกั้ง เขตปกครองว้าเหนือ เขตปกครองพิเศษที่ 4 (เมืองลา) ตั้งแต่เมืองเมา เมืองโหปัง เมืองตังยาน เมืองปางซาง เมืองลา มีจุดส่งออกเพื่อการลำเลียงลงเรือแม่น้ำโขงที่สำคัญ คือ ท่าเรือเมืองสบหรวย ชายแดนพม่า-สปป.ลาว ห่างจากสามเหลี่ยมทองคำ อ.เชียงแสน ไปทางทิศเหนือประมาณ 200 กิโลเมตร
ยาเสพติดสายนี้มีทั้งที่ขนผ่านเข้าไปใน สปป.ลาว-ชายแดนไทย ตั้งแต่ อ.แม่สาย อ.เชียงแสน อ.เชียงของ อ.เวียงแก่น จ.เชียงราย เมื่อสิ้นเขตแดนแม่น้ำโขงไทย-สปป.ลาว ส่วนหนึ่งทะลักเข้าทาง อ.เทิง จนถึง อ.ภูซาง จ.พะเยา กลุ่มนี้มีเครือข่ายโยงใยอยู่ในเขตของเขตปกครองพิเศษที่ 4 ที่มีเมืองลาชายแดนพม่า-จีนเป็นศูนย์กลาง มีนายจายลืน เป็นผู้ปกครอง และมีนายพง เจีย เซียน เป็นลูกเขย ทั้งยังเป็นญาติกับ “มาดามซู” ผู้แนบแน่นกับนักธุรกิจจีนชื่อดังที่สามเหลี่ยมทองคำ ตรงข้าม อ.เชียงแสน
พ.อ.ยงยุทธย้ำว่า ยาเสพติดที่ผลิตจากทั้ง 11 แหล่ง ซึ่งมีโรงงานตั้งอยู่เป็นจำนวนมาก มีศักยภาพในการผลิตยาเสพติดในปริมาณมหาศาล ทั้งเฮโรอีน ยาบ้า ไอซ์ การข่าวระบุด้วยว่าหลายปีที่ผ่านมาว่ามีกำลังการผลิตยาบ้ารองรับหลัก 100 ล้านเม็ด สามารถหาช่องทางและพร้อมจะลักลอบเข้ามาได้ตลอดเวลา เพราะมีแหล่งพักยาเสพติดในพม่า 14 แห่ง สปป.ลาว 7 แห่ง และในฝั่งไทยด้านจ.เชียงราย 12 แห่ง
ขณะที่ พล.ต.ต.ชำนาญ รวดเร็ว รอง ผบช.ภ.5 ซึ่งรับผิดชอบพื้นที่ภาคเหนือของประเทศไทย กล่าวว่า กรณีของ พ.ท.ยี่เซ ซึ่งมีพฤติกรรมเป็นกลุ่มผู้ขนยาบ้าเข้าสู่ชายแดนด้าน จ.เชียงราย ปัจจุบันยังคงอาศัยอยู่ในเขต จ.ท่าขี้เหล็ก ซึ่งทางการไทยตั้งค่าหัวนำจับเอาไว้แล้ว 5 ล้านบาท และปีนี้คาดว่า ทางการไทยและพม่าจะร่วมมือกันจับกุมให้ได้ รวมถึงออกหมายจับไปถึงผู้ที่เกี่ยวข้องรายอื่นต่อไปด้วย
อย่างไรก็ตาม ด้วยผลกำไรที่เพิ่มขึ้นในทุกขั้นตอน เช่น ยาบ้าจากราคาหน้าโรงงานเม็ดละ 35 บาท เมื่อถึงชายแดนราคาส่งเดือนกันยายนปีนี้ เม็ดละ 60-80 บาท ขายปลีกเม็ดละ 100-200 บาท แต่ถ้าเข้าสู่เขตเมืองในภาคเหนือ ราคาส่งเม็ดละ 100-200 บาท ขายปลีกเม็ดละ 180-350 บาท ส่วนยาไอซ์ขายส่งที่ชายแดนกิโลกรัมละ 650,000-700,000 บาท ไม่มีขายปลีกที่ชายแดน เมื่อเข้าสู่เขตเมืองในภาคเหนือ จะขายปลีกราคาต่อ 0.6 กรัมละ 2,500-4,000 บาท ขณะที่เฮโรอีนขายส่งที่ชายแดนแท่งละ 320,000-350,000 บาท เมื่อเข้าสู่เขตเมืองในภาคเหนือ ราคาเพิ่มขึ้นเป็นแท่งละ 350,000-400,000 บาท
นั่นทำให้ขบวนการนอกกฎหมายเหล่านี้เติบโตอย่างก้าวกระโดด ซึ่งสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) แจ้งสถานการณ์ปี 2556 เรื่องการทะลักเข้ามาของยาเสพติดเข้าสู่ประเทศไทย ว่ารุนแรงมากที่สุดในรอบ 10 ปี ดังปรากฏเป็นข่าวการตรวจยึดของกลางจำนวนมากอย่างต่อเนื่อง โดยที่ตรวจยึดได้เป็นคดีกว่า 418,900 คดี วงเงินรวม 2,242 ล้านบาท ยาบ้านับ 100 ล้านเม็ด ยาไอซ์ 1,588 กิโลกรัม เฮโรอีน 708 กิโลกรัม ไม่รวมที่ไม่เป็นคดีและเล็ดลอดไปได้ ซึ่งคาดว่ามีจำนวนมหาศาล
พล.ต.ท.สุรพล ทวนทอง รอง ผบช.ปส.บอกด้วยว่า ปัจจุบันมีเม็ดเงินซื้อยาเสพติดเหล่านี้ ปีละอย่างน้อย 7,000 ล้านบาท มีการโอนผ่านระบบธนาคารแทนเงินสด เพราะการค้ายาเสพติดในประเทศใหญ่ขึ้น และผู้ค้ารายใหญ่อยู่ในตัวเมืองใหญ่ของภาคกลาง
จนทำให้เกิดเงินหมุนเวียนในระบบประมาณ 14,000 หมื่นล้านบาท รวมแล้วเป็นเงินกว่า 21,000 ล้านบาทเป็นอย่างต่ำ!!! |
|
|
|
|
|
|