สาธารณสุข ห่วงผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ แนะหากจะรับประทานอาหารเจ ควรกินผักและผลไม้เป็นประจำ ลดอาหารหวาน มัน เค็ม เน้นผักผลไม้ให้หลากสี โดยเฉพาะผลไม้ที่มีรสไม่หวานจัด เช่น ฝรั่ง ชมพู่ มะละกอ กล้วย และธัญพืชมากๆ เช่น หัวผักกาด ถั่วลิสง รำข้าวโอ๊ด งาดำ ใช้วิธีต้ม หรือนึ่งแทนการผัดหรือทอดเพื่อให้ดีต่อสุขภาพ เช่น ต้มกะหล่ำปลี จับฉ่าย พะโล้เห็ดหอม ผู้ที่มีปัญหาโรคไต ความดันโลหิตสูง ควรหลีกเลี่ยงอาหารรสเค็ม แนะนำให้ใช้ซีอิ้วเจแบบเกลือน้อยแทน
นายแพทย์ชำนาญ หาญสุทธิเวชกุล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า ในช่วงเทศกาลกินเจหรือเทศกาลถือศีลกินผักในปีนี้ ซึ่งตรงกับวันที่ 5-13 ตุลาคม 2556 เพื่อให้ดีต่อสุขภาพขอให้ช่วยกันรณรงค์ “กินรสจืด ยืดชีวิต และลดเค็มครึ่งหนึ่ง คนไทยไตไม่วาย” เนื่องจากอาหารเจที่วางขายส่วนใหญ่จะเป็นอาหารที่มีแป้ง น้ำมันและน้ำตาลมาก และมีรสหวาน มัน เค็ม ที่ปรุงด้วยวิธีการผัดหรือทอด ซึ่งหากรับประทานเข้าไปมากๆ ร่างกายจะได้รับพลังงานสูง น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น ทำให้อ้วน ความดันโลหิตสูง เบาหวาน หรือผู้ป่วยที่เป็นโรคดังกล่าวอยู่แล้ว จะทำให้อาการของโรคเพิ่มขึ้นได้ ดังนั้นผู้ที่จะทานอาหารเจจึงควรเน้นการกินผักหลากสี และผลไม้สดให้มากๆ โดยเฉพาะผลไม้ที่มีรสไม่หวานจัด เช่น ฝรั่ง ชมพู่ มะละกอ กล้วย ควรลดอาหารหวาน มัน เค็ม แนะรู้จักกินให้หลากหลาย ร่างกายจะได้รับสารอาหารครบถ้วน และให้ใช้วิธีการต้มหรือนึ่งแทนการผัดหรือทอด
อาหารเจเป็นอาหารเพื่อสุขภาพและเพื่อบุญแห่งชีวิต เป็นการล้างพิษจากเนื้อสัตว์ ร่างกายได้วิตามินและแร่ธาตุจากการกินผัก ผลไม้ ถั่ว เมล็ดงา และเต้าหู้ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีต่อสุขภาพ ทำให้จิตใจรู้สึกสบาย สำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจและไขมันในเลือดสูง การกินเจให้เน้นผักผลไม้ให้หลากสีและธัญพืชมากๆ เช่น หัวผักกาด ถั่วลิสง รำข้าวโอ๊ด งาดำ โดยใช้วิธีต้ม เช่น ต้มกะหล่ำปลี จับฉ่าย พะโล้เห็ดหอม ลดการผัดและทอด ที่สำคัญคือเต้าหู้จะช่วยลดความดันโลหิตได้โดยไม่ทำให้น้ำตาลขึ้น ผู้ที่มีปัญหาโรคไต ความดันโลหิตสูง ควรหลีกเลี่ยงการทานอาหารรสเค็ม แนะนำให้ใช้ซีอิ้วเจแบบเกลือน้อยแทน
สำหรับผู้ที่ร่างกายไม่แข็งแรงหรือเจ็บป่วยไม่สบายในช่วงเทศกาลเจ หากไม่ไหวอย่าฝืน ให้ห่วงสุขภาพของตนเองก่อน ส่วนผู้ที่มีร่างกายแข็งแรง ระหว่างรับประทานอาหารเจ ขอให้ออกกำลังกายเหมือนช่วงปกติ สัปดาห์ละ 3 ครั้งๆละ 30 นาที นายแพทย์ชำนาญกล่าว
งานข้อมูลข่าวสารสาธารณสุข 1/2557 ********************** 3 ตุลาคม 2556 |