สาธารณสุข กวดขันผู้ขับขี่รถทุกชนิดหรือขณะโดยสารรถทุกประเภท ห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด    หากพบฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 

นายแพทย์ชำนาญ  หาญสุทธิเวชกุล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า เทศกาลวันขึ้นปีใหม่ปีนี้ รัฐบาลกำหนดให้เป็นวันหยุดยาวติดต่อกัน จะมีประชาชนเดินทางกลับบ้านเพื่อเฉลิมฉลองกับญาติหรือเพื่อนและเดินทางท่องเที่ยวจำนวนมาก ผลที่ตามมาทุกปีและที่น่าเป็นห่วงที่สุดคือการเกิดอุบัติเหตุทางถนน ทำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก แต่จากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นพบว่า ผู้โดยสารที่ไปด้วยกันซึ่งเป็นคนดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เป็นตัวกระตุ้นให้คนขับดื่มด้วย ดังนั้นกระทรวงสาธารณสุข จึงได้ออกกฎหมายห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บนทางสาธารณะ พ.ศ. 2555 เพิ่มเติม  โดยกำหนดให้เบาะนั่ง ไม่ว่าจะเป็นฝั่งคนขับ ฝั่งคนซ้อนท้าย หรือแม้แต่กระบะหลังจะต้องไม่มีแอลกอฮอล์ เพราะอุบัติเหตุจากคนเมาที่พลัดตกจากหลังเบาะก็มีมาก กรณีฝ่าฝืนกฎหมายดังกล่าวต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ  

จึงขอเตือนประชาชน หากจะดื่มห้ามขับรถเด็ดขาด และเตือนเพื่อนที่ดื่มเช่นเดียวกัน เพื่อป้องกันทั้งตนเองและคนอื่นที่ร่วมเดินทางบนท้องถนนไม่ให้เกิดอุบัติเหตุด้วย

ทั้งนี้ตามพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 เรื่อง การขายและการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในสถานที่หรือบริเวณที่ต้องห้ามตามกฎหมายตามมาตรา 27 และมาตรา 31 ซึ่งในปัจจุบันได้มีการออกประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีกำหนดสถานที่หรือบริเวณห้ามขายและห้ามบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพิ่มเติม 4 เรื่อง ได้แก่ 1.กำหนดสถานที่หรือบริเวณห้ามขายหรือบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในรัฐวิสาหกิจและหน่วยงานอื่นของรัฐ พ.ศ. 2555  2.ห้ามขายหรือห้ามบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในพื้นที่ประกอบกิจการโรงงาน พ.ศ. 2555      3.กำหนดสถานที่หรือบริเวณห้ามบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บนทาง พ.ศ. 2555 และ4. กำหนดสถานที่หรือบริเวณห้ามขายหรือบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในสวนสาธารณะของรัฐวิสาหกิจหรือหน่วยงานอื่นของรัฐ พ.ศ.2556  

นายแพทย์ชำนาญ กล่าวต่อไปว่า การดำเนินงานตามกฎหมายดังกล่าว ถือเป็นการขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะในการสร้างเสริมสุขภาพ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลและนโยบายของกระทรวงสาธารณสุขที่มุ่งเน้นให้มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มแข็ง ดังนั้นกระทรวงสาธารณสุขจึงขอความร่วมมือให้ทุกจังหวัดตรวจสอบและดำเนินการกวดขันให้ถูกต้องตามพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551