เรือนจำเชียงราย เน้นเกษตรพอเพียง-อินทรีย์ช่วยผู้ต้องขังพึ่งตัวเอง ขายได้ดีก่อนพ้นโทษ |
|
ประกาศเมื่อ
31 มกราคม 2014 เวลา 13:42:22 เปิดอ่าน
1323 ครั้ง |
|
|
ที่เรือนจำชั่วคราวดอยราง ตั้งอยู่ใกล้กับเรือนจำกลางเชียงราย ต.ดอยฮาง อ.เมือง นายกฤช กระแสร์ทิพย์ ผู้บัญชาการเรือนจำกลาง จ.เชียงราย เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการน้อมใจนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้ในเรือนจำนำร่องภายใต้โครงการกำลังใจในพระราชดำริพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา
โครงการดังกล่าวเป็นการคัดนักโทษที่มีความประพฤติดีหรือมีโทษเบารวมทั้งกำลังจะพ้นโทษจำนวน 30 คน ให้เข้าร่วมฝึกอบรมและปฏิบัติการตามโครงการ โดยมี รศ.ดนุวัต เพ็ญอ้น ผู้อำนวยการสถาบันตรวจสอบคุณภาพและมาตรฐานผลิตภัณฑ์ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ นำคณะอาจารย์เข้าทำการฝึกอบรมแก่นักโทษดังกล่าว ทั้งนี้โครงการเป็นโครงการนำร่องที่ในเรือนจำเพียงแค่ 4 แห่งคือเรือนจำชั่วคราวเขาพลอง เรือนจำชั่วคราวแคน้อย เรือนจำชั่วคราวเขาระกำ และเรือนจำชั่วคราวดอยรางดังกล่าว
สำหรับกิจกรรมในการฝึกอบรมที่เรือนจำชั่วคราวดอยรางจะดำเนินการตั้งแต่วันที่ 25-31 ม.ค.นี้ โดยมีการใช้พื้นที่ทางการเกษตรของเรือนจำในการให้ความรู้ทางทฤษฎีเรื่องการเกษตรต่างๆ เช่น ทำปุ๋ย ผลิตฮอร์โมนและน้ำหมักชีวภาพ การปลูกพืชให้มีผลผลิตเพิ่มโดยเน้นเกษตรอินทรีย์ปลอดภัยจากสารเคมี การแปรรูปผลิตภัณฑ์ การเลี้ยงไส้เดือนเพื่อการกำจัดขยะและเพิ่มมูลค่าปัจจัยการผลิต การเกษตรทฤษฎีใหม่และเกษตรอินทรีย์ การจัดการโรคและแมลงศัตรูพืช การตัดผม การสานตระกล้า ฯลฯ โดยมีวิทยากรให้ความรู้ควบคู่ไปกับการฝึกภาคปฏิบัติ
นายกฤช กระแสร์ทิพย์ ผู้บัญชาการเรือนจำกลาง จ.เชียงราย กล่าวว่า ปัจจุบันมีผู้ต้องขังในเรือนจำกลางเชียงรายประมาณ 5,200 คน จากอัตราที่เหมาะสมกับสถานที่ประมาณ 4,400 คน ส่วนใหญ่เป็นผู้ต้องขังคดียาเสพติด และเมื่อผู้ต้องขังกำลังจะพ้นโทษก็จะได้รับการเข้ารับการฝึกอบรมดังกล่าวเพื่อให้สามารถนำไปใช้เมื่อพ้นโทษออกไปแล้วได้ รวมทั้งยังเป็นการปรับตัวสู่สังคมเพราะชีวิตในเรือนจำไม่ได้เห็นโลกภายนอกมานานแต่ที่เรือนจำชั่วคราวดอยรางติดถนนและมีพื้นที่ทางการเกษตรกว้างขวาง มีที่พักอยู่กับการเกษตรทำให้ผู้ต้องขังสามารถใช้ชีวิตเพื่อการปรับตัวได้ดี ทั้งนี้พื้นที่ที่ใช้ในการฝึกอบรมและพักอาศัยของผู้ต้องขังทั้งหมดมีจำนวน 79 ไร่ มีการปลูกพืช เลี้ยงสัตว์ สร้างบ้านต้นแบบ ฯลฯ
รศ.ดนุวัต เพ็ญอ้น ผู้อำนวยการสถาบันตรวจสอบคุณภาพและมาตรฐานผลิตภัณฑ์ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ กล่าวว่า ผู้ที่ถูกคุมขังในเรือนจำนั้นเมื่อพ้นโทษออกไปไม่สามารถทำอาชีพได้ง่าย โดยไปสมัครงานแทบไม่ได้เลยดังนั้นเขาต้องพึ่งพาตัวเองและสร้างตัวเองขึ้นมาใหม่ในลักษณะธุรกิจส่วนตัวจึงจะทำให้อยู่รอดได้ดีที่สุด ซึ่งเห็นว่าการเกษตรอินทรีย์เป็นเรื่องที่ดีที่สุดเพราะนอกจากจะใช้บริโภคเองแล้วยังเพิ่มมูลค่าสามารถขายสินค้าการเกษตรที่มีคุณภาพและได้มาตรฐานซึ่งตลาดในปัจจุบันมีความต้องการมาก โดยผู้ต้องขังส่วนใหญ่จะพ้นโทษไปแล้วสามารถไปปรึกษากับคณาจารย์ที่มหาวิทยาลัยแม่โจ้ได้เป็นการสร้างเครือข่ายและทำให้เขารู้สึกว่าไม่ได้ถูกทอดทิ้งได้ด้วย |
|
|
|
|
|
|