การจมน้ำเป็นเรื่องที่สามารถป้องกันได้ หากมีความรู้เรื่องความปลอดภัยทางน้ำ การเอาชีวิตรอดในน้ำ และวิธีการช่วยเหลือที่ถูกต้อง เรามักพบเด็กจมน้ำเสียชีวิตพร้อมกันครั้งละหลายๆคน เนื่องจากไม่มีความรู้และขาดทักษะในเรื่องดังกล่าว ซึ่งหากเด็กสามารถว่ายน้ำเพื่อเอาชีวิตรอดได้ จะช่วยป้องกันการจมน้ำได้มากกว่าเด็กที่ไม่สามารถว่ายน้ำได้ถึง 4 เท่าตัว

 นายแพทย์ชำนาญกล่าวต่อไปว่า การป้องกันไม่ให้เด็กอายุต่ำกว่า 15 ปีตกน้ำหรือจมน้ำ ต้องสอนให้เด็กรู้จักความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากแหล่งน้ำ เช่น น้ำลึก น้ำวน ห้ามไม่ให้เด็กเล่นน้ำตามลำพัง ต้องมีผู้ใหญ่ไปด้วยเสมอ ไม่ลงไปเก็บดอกบัว ผักบุ้ง ในแหล่งน้ำ ไม่เล่นน้ำเวลากลางคืนหรือเวลาฝนตก ฟ้าคะนอง ควรเล่นน้ำในบริเวณที่กำหนดไว้ และมีเจ้าหน้าที่คอยดูแล ต้องใส่ชูชีพทุกครั้งที่โดยสารเรือหรือทำกิจกรรมทางน้ำ เมื่อต้องเดินทางทางน้ำ ควรนำอุปกรณ์ที่ลอยน้ำได้ติดตัวไปด้วยเสมอ เช่น เสื้อชูชีพ ถังแกลลอนพลาสติกเปล่า ขวดน้ำดื่มพลาสติกเปล่า ควรมีการติดตั้งรั้วล้อมรอบ ป้ายคำเตือน หรือตะแกรงเหล็กปิดด้านบนของแหล่งน้ำเสี่ยง จัดให้มีอุปกรณ์ช่วยเหลือไว้บริเวณแหล่งน้ำที่เด็กชอบไปเล่น เช่น ถังแกลลอนพลาสติกเปล่า ขวดน้ำดื่มพลาสติกเปล่า เชือก กิ่งไม้หรือผ้าขาวม้า ฯลฯ สอนให้เด็กว่ายน้ำเป็น รู้จักวิธีการเอาชีวิตรอดเมื่อตกน้ำ และวิธีการช่วยเหลือคนตกน้ำที่ถูกต้อง

สำหรับวิธีการเอาชีวิตรอดเมื่อตกน้ำ ให้พยายามลอยตัวเปล่าอยู่ในน้ำให้ได้นานที่สุดเพื่อรอการช่วยเหลือ เช่น ลอยตัวหงาย ลอยตัวคว่ำ ลอยตัวแบบลูกหมาตกน้ำ หรือลอยตัวในน้ำโดยใช้อุปกรณ์ที่สามารถลอยน้ำได้ เช่นถังแกลลอนพลาสติกเปล่า ขวดน้ำดื่มพลาสติกเปล่า ส่วนวิธีช่วยเหลือคนตกน้ำ ให้ยึดหลัก “ตะโกน โยน ยื่น” เมื่อพบคนตกน้ำ จมน้ำ ไม่ควรกระโดดลงไปช่วย โดยเฉพาะเด็กๆอย่ากระโดดลงไปช่วยเด็ดขาด แม้ว่าจะว่ายน้ำเป็น ควรเรียกให้ผู้ใหญ่มาช่วย โยนอุปกรณ์ที่ลอยน้ำได้ หาง่าย และอยู่ใกล้ตัวช่วยคนตกน้ำ เช่น  เชือก กิ่งไม้หรือผ้าขาวม้า เมื่อได้เด็กแล้วให้โทรแจ้ง 1669 หรือส่งไปสถานพยาบาลที่ใกล้เคียงโดยเร็วที่สุด

งานข้อมูลข่าวสารสาธารณสุข 45/2557  …………………………..   12   มีนาคม    2557