x
ขณะนี้เรากำลังไลฟ์ คลิกที่นี่เพื่อชม
 

ที่เที่ยว

ทริปเที่ยว พายเรือคายัค..แม่น้ำกก

เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมทางน้ำที่ช่วยคลายร้อนในช่วงนี้ได้เป็นอย่างดี  ผมและพี่ๆในกลุ่มนำเรือคายัคไปลงน้ำกก สัมผัสวิถีชีวิตริมสองฝั่งแม่น้ำใหญ่ที่ไหลผ่านกลางเมืองเชียงราย ในช่วงที่ระดับน้ำลดลงเช่นนี้ บางช่วงกลางแม่น้ำเหลือเพียงระดับต่ำกว่าหัวเข่า  ต้องลากเรือผ่านเนินทราย ได้เห็นบรรยากาศที่สวยงามของสายน้ำแห่งนี้ในอีกแบบหนึ่งในมุมที่ปกติเราอยู่แต่บนฝั่งมองลงไปกลางน้ำ เห็นน้ำแห้งขอดเป็นช่วงๆ แต่เมื่อพาตัวเองเข้าไปนั่งอยู่บนเรือคายัคใจกลางของสายน้ำมองดูรอบข้างยังได้เห็นความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ เห็นภาพผู้คนในชนบทกับการใช้ชีวิตริมสองฝั่งแม่น้ำ ตกเบ็ด ทอดแห หาปลา เด็กๆก็ลงมาเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน  


ทริปนี้เราใช้เวลา 2 วัน 1 คืน เตรียมข้าวของเครื่องใช้จำเป็น และอาหารน้ำดื่มสำหรับหนึ่งคืนลงเรือ แล้วไปยังจุดเริ่มต้นที่บ้านแม่สลัก เกือบถึง ต.ท่าตอน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ ล่องตามน้ำลงมาเรื่อยๆ ค่ำไหนก็หาที่นอนกันตรงนั้น  

การท่องเที่ยวเป็นกลุ่มจะสนุกผู้ร่วมทริป ต่างวัย ต่างอายุ ต้องเข้าใจกัน แบ่งสรรหน้าที่กันชัดเจน แม้ระยะทางกว่า 40 กิโลเมตร แต่พวกเราก็เฮฮาสร้างเสียงหัวเราะกันตลอด


พี่ตี๋... ขาดคนนี้ไม่ได้เลย เป็นแกนนำของทริปนี้ คอยประสานงานสิบทิศ จัดหาอุปกรณ์สนาม และเรือคายัคมาให้พวกเราได้ลองกิจกรรมนี้


พี่น้อย... คนนี้ธรรมดาที่ไหน ผ่านการจัดกิจกรรมแนวแอดแวนเจอร์มาแล้วมากมาย ถ้าไม่มีคงเหงาเลย ผู้วางแผนเส้นทาง การใช้อุปกรณ์ไอทีในการหาพิกัด จุดแวะพัก คำนวณระยะทางจากจุดต่างๆ เพื่อให้เหมาะสมและถึงเป้าหมายตามแผนที่วางไว้


พี่เก้ง... มาจาก กทม. เพื่อร่วมทริปนี้เลยทีเดียว ผู้สร้างความบันเทิง คอยเป็นดีเจเปิดเพลงขับกล่อมเสียงดนตรี ไม่ให้เหนื่อยล้าตลอดทริปการเดินทาง


พี่ปุ๊ด... พ่อครัวหัวป่า หาปลา ทำอาหาร สร้างสรรเมนูวัตถุดิบพืชผักจากธรรมชาติให้พวกเราอิ่มท้อง และยังเป็นเนวิเกเตอร์ให้กับผมด้วย


ส่วนผม ... เก็บภาพบรรยากาศของการพายเรือครั้งนี้ มาเผยแพร่ให้กับผู้สนใจ ^-^

เมื่อจัดเตรียมทุกอย่างลงเรือพร้อม ก็เริ่มทยอยนำเรือลงสู่แม่น้ำ ปล่อยตัวปล่อยใจไหลไปตามสายน้ำ เราทำหน้าที่เพียงใช้มือจับไม้พายบังคับเรือให้ไปในทิศทางที่ต้องการเท่านั้น แม้เป็นช่วงกลางวันที่อากาศค่อนข้างร้อนก็ไม่ได้เป็นอุปสรรค เมื่ออยู่กลางน้ำจะมีลมพัดผ่านประทะลำตัวตลอดเวลา พร้อมเสียงคลื่นเสียงน้ำไหล เหมือนคอยเป็นเสียงดนตรีให้เพลินเพลินลืมความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า โดยเฉพาะช่วงไหนที่เป็นโขดหิน ก็จะมีแก่งให้ฝึกหัดบังคับทิศทางเรือ กว่าจะเข้าที่เข้าทางก็คว่ำไปหลายรอบเหมือนกัน ^-^

บางช่วงจะตื้นเขินเป็นพื้นทราบกว้างๆ น้ำใสมากอยู่บนเรือมองเห็นพื้นทรายได้ใต้น้ำได้ชัดเจ ถ้าเป็นเด็กในตัวเมืองก็ไปว่ายน้ำกันตามสระว่ายน้ำ หรือคลายร้อนด้วยการไปเดินในห้องแอร์ตามห้างสรรพสินค้าต่างๆ แต่วิถีชีวิตสองฝั่งริมแม่น้ำกก จะเห็นบรรยากาศของเด็กๆที่ออกมาเล่นน้ำคลายร้อน ผู้ใหญ่ก็เก็บผักเก็บไม้ เลี้ยงวัวควายอยู่ริมน้ำ ดูแล้วดีใจตื่นเต้นกันใหญ่ที่นานๆอาจจะได้เห็นคนใช้เรือคายัคผ่านมา

เราล่องเรือตามน้ำผ่านมาได้ราวๆ 20 กิโลเมตร ก็ถึงจุดกึ่งกลางของระยะทางทั้งหมด แขนขาเริ่มเมื่อยล้า เป็นเวลาใกล้ค่ำพอดี เมื่อปรึกษากันแล้วได้ข้อสรุปว่าเราจะพักกันตรงเนินทรายจุดนี้ จากนั้นก็ลากเรือขึ้นเนิน แกะกล่องสัมภาระที่เปียกมาตากลม นำเต้นท์มากางเป็นที่พักแรม หาฟืนก่อไฟ ทำอาหาร แลกเปลี่ยนพูดคุยสัพเพเหระกันเรื่อยเปื่อย


เป็นกลางคืนที่เงียบสงบ นอนบนหาดทราย ฟังเสียงน้ำไหล เสียงแมลงหลากหลายชนิดที่เปลี่ยนกันส่งเสียงร้องขึ้นมาท่ามกลางความมืด  ดึกๆมาก็จะมีกลุ่มเด็กๆจากหมู่บ้านที่อยู่ริมแม่น้ำนำไฟฉายออกมาหาปลา หากุ้ง ทำให้นึกถึงบรรยากาศชีวิตเด็กบ้านนอกในสมัยเมื่อสัก 30 ปีก่อน

ยามเช้าอากาศสบายๆ ไม่ร้อน นั่งจิบกาแฟเบาๆกับไข่ลวก ทำอาหารที่กินกันง่าย มองดูสายน้ำใสๆที่ไหลผ่านลงไปช้าๆ ฟังเสียงน้ำที่กระทบกับโขดหินดังมาเป็นระยะบ่งบอกให้เราทราบว่ากำลังมีลมพัดโชยมา ด้านหนึ่งก็มองดูคนหาปลาที่นำข่ายมาดักไว้กลางคืนแล้วมาเก็บกู้ตอนเช้าก็ต้องคอยลุ้นจะได้อะไรติดไม้ติดมือไปให้คนทางบ้านได้ปรุงอาหาร สอบถามด้วยความห่วงใย พร้อมรอยยิ้มและมิตรไมตรีแห่งความสุข...  เมื่อพระอาทิตย์ขึ้นสูงก็ได้เวลาพอสมควรที่ต้องออกเดินทางต่อ เพื่อให้ถึงปลายทางทันในเวลาที่กำหนด

วันที่สองของการล่องเรือ เราไม่ได้เริ่งรีบเหมือนช่วงวันแรก ผ่านระยะทางมากว่าครึ่ง จึงปล่อยเรือให้ไหลไปตามน้ำอย่างช้าๆ ชมนกชมไม้ ชีวิตธรรมชาติในมุมมองใหม่กัน โชคดีเรือลำของผมนั่งกันสองคนก็เลยไม่เหงา และไม่เหนื่อยเท่าไหร่นัก มีเพื่อนคุยได้ตลอดทาง ช่วงไหนดูแล้วน้ำใสน่าลงไปว่าย ก็โดดเล่นน้ำคลายร้อนกันไป บางช่วงน้ำลึกระดับที่ต้องการเราก็นำข่ายดักปลามาลากหาปลากัน ลุ้นกันไป  จนถึงปลายทางที่สะพานแม่ยาว-ดอยฮาง (สะพานข้ามเรือนจำ) ด้วยระยะทางทั้งหมดกว่า 40 กิโลเมตร

ทั้งหมดนี้เป็นภาพบางส่วนที่นำมาเล่า บางช่วงเป็นแก่งหินน้ำไหลเชี่ยว ก็ไม่ได้ถ่ายภาพ ผมเป็นายท้ายเรือด้วย ใจต้องจดจ่ออยู่กับทิศทางข้างหน้า มือจับไม้พายไว้ให้แน่นคอยควบคุมทิศทาง จะให้หัวเรือหันไปทิศทางใด ไม่ให้ชนโขดหินหรือขวางลำ อาจทำให้พลิกคว่ำได้ จึงถ่ายภาพได้เฉพาะในช่วงที่ปลอดภัย น้ำไหลปกติเท่านั้น


มีคลิปวีดีโอด้วย ถ่ายไว้สั้นๆอยากให้ลองไปชมกันดูครับ

https://www.youtube.com/watch?v=x4pHEyL-XIU





สำหรับใครที่ดูแล้วสนใจ อยากทำกิจกรรมแบบนี้บ้างก็ลองใช้เวลาช่วงนี้ ช่วงที่น้ำลด น้ำไม่ลึกครับ บางช่วงกลางน้ำแค่ตาตุ่มเอง คนเดินข้ามไปอีกฝั่งได้สบายเลย   สำหรับไปแบบครึ่งวันหรือระยะสั้น มีเรือให้เช่า ลองอ่านลิงค์นี้เพิ่มเติมได้

http://www.chiangraifocus.com/2018/article/324


เป็นอีกหนึ่งทริปที่ประทับใจ ตื่นเต้น สนุก คลายร้อนได้ดี ได้เห็นความสวยงามธรรมชาติของบ้านเราในอีกมุมมองหนึ่ง 


...ขอขอบคุณพี่ๆ ผู้ร่วมทริปทุกๆท่านครับ...